หน้าแรก news “เพื่อไทย” ดันสัดส่วน ส.ส.หญิงเข้าสภา ด้านโฆษกสาว “เพื่อชาติ” ซัด 5 ปี คสช.บ่มเพาะอันธพาล

“เพื่อไทย” ดันสัดส่วน ส.ส.หญิงเข้าสภา ด้านโฆษกสาว “เพื่อชาติ” ซัด 5 ปี คสช.บ่มเพาะอันธพาล

0
“เพื่อไทย” ดันสัดส่วน ส.ส.หญิงเข้าสภา ด้านโฆษกสาว “เพื่อชาติ” ซัด 5 ปี คสช.บ่มเพาะอันธพาล
Sharing

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นำทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย อาทิ นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย / นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย /ดร. เทอดธนัท สีเขียว และนายยุ้ง จักรไพศาล ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ปราศรัยขอให้ประชาชนชาวอุดรธานี สนับสนุน นางจุฑาพัฒธน์ มานะสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส. อุดรธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทย ให้ได้เข้าสภาฯ เพื่อเพิ่มสัดส่วนนักการเมืองหญิงในสภาผู้แทนราษฏรให้มากขึ้น

เนื่องจากนักการเมืองหญิงของไทยในรัฐสภาฯ ยังเพิ่มขึ้นไม่มากในการเลือกตั้งแต่ละสมัย ถ้าหากนางจุฑาพัฒธน์ ชนะเลือกตั้งและได้เป็นนักการเมืองหญิงคนใหม่ ก็จะได้ช่วยพิจารณาประเด็นปัญหาทางสังคมและทางเศรษฐกิจในมุมมองของผู้หญิงได้เป็นอย่างดี รวมทั้งจะได้ประสานนโยบายของพรรคเพื่อไทยด้านสตรีและสังคมให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมเมื่อพรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล

นางจุฑาพัฒธน์ จะเป็นตัวแทนครอบครัวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว อ้อย มันสัมปะหลัง และยางพารา เนื่องจากได้คลุกคลีและทราบปัญหาความเดือนร้อนของเกษตรกรในพื้นที่เป็นอย่างดี จะได้ผลักดันให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาแก้ปัญหา รวมทั้งจะได้ช่วยปกป้องกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติด้วย

นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่าการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 นี้ พรรคเพื่อไทย ส่งนักการเมืองหญิง ส.ส. ระบบเขตจำนวน 33 คน จาก 250 คน คิดเป็น 13.2% และระบบบัญชีรายชื่อ 16 คน จาก 97 คน คิดเป็น 16.5% และที่สำคัญพรรคเพื่อไทยเสรนอชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วย

 

 

ขณะที่นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ ชี้ 5 ปีภายใต้การบริหารงานรัฐบาลเผด็จการ คสช. สังคมไทยได้อะไรบ้าง จำนวน 8 ข้อ ปะกอบด้วย

1. ได้ความเหลื่อมทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก เกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย มีคนจนเพิ่มขึ้น เกือบล้านคนระหว่างปี 2558-2559 คนฐานรากค้าขายฝืดเคือง พืชผลเกษตรราคาตกต่ำเช่น ยางราคา 4 กิโลกรัมหนึ่งร้อยบาท แต่คนรวยบางคนที่ได้สัมปทานผูกขาดจากภาครัฐมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นแสนห้าหมื่นล้าน จากกรณีนี้คือส่งเสริมนิสัยเห็นแก่ตัวมือใครยาวสาวได้สาวเอา รวยอยู่แล้วก็ไม่พอต้องเอาเปรียบให้รวยขึ้นไปอีก
2. ได้พิสูจน์ว่าเผด็จการไม่คิดที่จะแก้ไขความขัดแย้ง ต้องการคงความขัดแย้งเพื่อแบ่งแยกแล้วปกครอง หลักฐานจากการที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ถูกเรียกเข้าไปเสนอแนวคิดแก้ปัญหาความขัดแย้งนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีการนำไปปฏิบัติ มีแต่การกดขี่เสรีภาพฝั่งตรงข้ามแล้วอ้างว่าบ้านเมืองสงบ แต่ละเว้นสำหรับฝ่ายที่สนับสนุนเผด็จการ นี่ก็เป็นพฤติกรรมการเห็นแก่ตัวเพื่อยึดครองอำนาจให้ยาวนาน
3. ได้เห็นการคอรัปชั่นที่ตรวจสอบไม่ได้ (จีที200/เรือเหาะ/ราชภักดิ์/นาฬิกายืมเพื่อน/ตั้งบริษัทรับเหมาในค่ายทหาร ฯลฯ) กรณีนี้บ่มเพาะนิสัยขี้โกงและอันธพาลให้สังคมไทยโดยใช้กำลังและกฏเผด็จการบังคับไม่ให้ประชาชนพูดใครพูดจับขึ้นศาลทหาร
4. ได้เห็นการปฎิรูปแบบจอมปลอม ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม นอกจากใช้พลังดูดเอานักการเมืองประเภทน้ำเน่างูเห่าเข้ามาสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ นี่ก็ฝึกนิสัยพูดดีใส่ตัวพูดชั่วให้คนอื่นและนิสัยพูดเท็จ ทำชั่วได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจหรือสิ่งที่อยากได้
5. ได้เห็นวิสัยทัศน์และความไม่สามารถควบคุมตนเองของเผด็จการ จากกรณีข้าวราคาตกไล่ไปปลูกหมามุ่ยแทนข้าว ส่วนยางราคาตกให้ส่งออกไปขายที่ดาวอังคาร การปาเปลือกกล้วยใส่ศีรษะผู้สื่อข่าว การจะทุ่มโพเดียมใส่สื่อเมื่อเจอคำถามที่ความคิดเห็นต่าง นี่เป็นการส่งเสริมนิสัยดูถูก กดขี่ คนอ่อนแอ แบ่งชนชั้น โดยผู้นำเผด็จการคิดว่าตนเป็นนาย ประชาชนเป็นบ่าว
6. ได้เห็นการแก้ไขความมั่นคงที่ล้มเหลว งบกลาโหมเพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2557 งบกลาโหม 1.8 แสนล้าน เพิ่มเป็น 2.2 แสนล้าน มีอาวุธกำลังพล และเครื่องมืออย่าง ม.44 ภาวะฉุกเฉิน กฎอัยการศึก มีครบแต่ 3 จ.ชายแดนใต้ยังมีระเบิดเกิดขึ้นประจำ รวมทั้งเกรงกลัวปฎิทินและขันแดง กรณีนี้ชี้ให้เห็นว่างบประมาณไม่ได้แปรผันตามความมั่นคง อีกทั้งมีการโกรธเมื่อจะโดนตัดงบประมาณ นี่คือลักษณะนิสัยเห็นแก่ตัวไม่พิจารณาความสามารถตนเองในการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ พอมีผู้ชี้ความบกพร่องแทนที่จะขอบคุณกลับโกรธ
7. ได้เห็นการโกหก กลับกลอก ตอนเข้ามายึดอำนาจบอกขอเวลาอีกไม่นาน บอกว่าเกลียดนักการเมือง แต่ดูดนักการเมืองที่เกลียดมาสนับสนุนการสืบทอดอำนาจต่อ นี่คือบ่มเพาะพฤติกรรมไม่รับผิดชอบต่อคำพูดของตน
8. ได้เห็นพฤติกรรมพวกที่อ้างตัวว่าเป็นคนดี ที่หนีการตรวจสอบทรัพย์สิน โดยการเขียนรัฐธรรมนูญเอง แตรกลับหนีการตรวจสอบ แล้วก็ออก ม. 44 มายกเลิกการตรวจสอบทรัพย์สิน นี่คือการบ่มเพาะนิสัยไม่สุจริตให้สังคม

สรุปได้ว่า 5 ปีที่ผ่านมาสิ่งที่เผด็จการได้บ่มเพาะให้สังคมไทย คือความเห็นแก่ตัว ขี้โกง อันธพาล แบ่งชนชั้นให้ประชาชนเป็นบ่าว เผด็จการเป็นนาย ไร้การปฏิรูป ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ทำให้สังคมไทยเสียเวลาและเสียโอกาสในการแข่งขัน ดังนั้นวันที่ 24 มีนาคมนี้ ประชาชนมีทางเลือก 2 ทาง คือ 1. ถ้าประชาชนต้องการให้ประเทศเหลื่อมล้ำเห็นประชาชนไม่เท่ากัน ต้องการเป็นบ่าวหานาย เลือกพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ 2. ถ้าประชาชนอยากมีสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียม มีการกระจายทรัพยากรที่เป็นธรรม มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเลือกพรรคเพื่อชาติ หรือพรรคฝั่งประชาธิปไตย โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าวทิ้งท้าย

 


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่