จากนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งถูกตีความว่าประชาชนสามารถปลูก ผลิต แปรรูป และจำหน่าย อย่างไร้การควบคุมนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เป็นความเข้าใจผิด อันเกิดจากการที่บางฝ่ายไม่ศึกษาข้อมูลอย่างถ่องแท้ คิดเอง เออเอง แล้วนำไปเผยแพร่ต่อ ส่งผลให้ข้อเท็จจริงสำคัญถูกบิดเบือน
ประเด็นแรก คำว่าเสรีของพรรคภูมิใจไทย หมายความว่า กัญชาต้องเป็นพืชเศรษฐกิจของคนไทยอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่ให้ประโยชน์แก่คนไม่กี่กลุ่ม ทั้งนี้ กฎหมายปัจจุบันให้เพียงบางฝ่ายมีสิทธิ์ปลูก ซึ่งในอนาคตจากเงื่อนไขเหล่านี้ อาจทำให้กัญชาถูกผูกขาด กลายเป็นผลประโยชน์มหาศาลของคนเพียงน้อยนิด เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เนื่องจากกัญชาควรเป็นโอกาสของทุกคน
พรรคภูมิใจไทย จึงเสนอให้ประชาชนสามารถปลูกได้บ้านละ 6 ต้น และจำหน่าย ตามเงื่อนไขที่กำหนด เท่ากับว่าเป็นเสรีภาพของคนไทยในการหาประโยชน์จากกัญชาภายใต้กฎกรอบของภาครัฐ ไม่ได้หมายความว่าท่านจะปลูกเท่าไรก็ได้ ขายอย่างไรก็ได้ โดยทุกอย่างต้องปฏิบัติตามกฎหมาย รับประกันได้ว่าแนวทางของภูมิใจไทย เป็นการทำให้กัญชาไม่ถูกผูกขาดโดยคนบางกลุ่ม แต่จะเป็นของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมเช่นที่กล่าวมาข้างต้น
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า หลายฝ่ายมองว่าภูมิใจไทยให้ความสำคัญกับการใช้กัญชาเชิงสันทนาการมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ในความจริงคือ เราไม่เคยมองเรื่องนั้นเลย เพราะพรรคมองกัญชาในฐานะยารักษามะเร็ง พาร์กินสัน ลมชัก และอีกหลายโรค ซึ่งเราสนับสนุนให้ใช้กัญชาเป็นทางเลือกในการรักษา หากที่บ้านใครมีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคเหล่านี้ การมีหนทางรักษาที่เพิ่มขึ้นมาย่อมเป็นเรื่องน่าปิติยินดีที่สุด แล้วทำไมเราต้องปิดกั้นความหวังด้วยความเชื่อเดิมๆ ทั้งที่มีการพิสูจน์แล้วว่ากัญชาใช้รักษาหลายโรคได้จริง
นอกจากนั้น เราไม่ยอมให้นายทุน และต่างชาติเข้ามามีสิทธิ์เหนือพืชชนิดนี้ สิทธิบัตรกัญชาต้องอยู่ในมือของประชาชนคนไทย และคนไทยต้องได้สิทธิ์ในการหาประโยชน์จากกัญชา
“ยอมรับว่าเป็นนโยบายที่มีเสียงวิจารณ์มาก แต่ถ้านิ่งเฉย ในอนาคตกัญชาไทยตกไปอยู่ในมือคนอื่น คนไทยนี่เองจะเสียประโยชน์ เราทำเพื่อปกป้องสิทธิ์คนไทย ถ้าทำดี ไม่ต้องกลัวเสียงติฉิน”