หน้าแรก news ต้องมีศักดิ์ศรี ! “ธัชพงศ์” ตามรอย “อนุทิน” ปลุก ส.ส.รวมเสียง 376 คน ต้าน ส.ว.เลือกนายกฯ

ต้องมีศักดิ์ศรี ! “ธัชพงศ์” ตามรอย “อนุทิน” ปลุก ส.ส.รวมเสียง 376 คน ต้าน ส.ว.เลือกนายกฯ

0
ต้องมีศักดิ์ศรี ! “ธัชพงศ์” ตามรอย “อนุทิน” ปลุก ส.ส.รวมเสียง 376 คน ต้าน ส.ว.เลือกนายกฯ
Sharing

นายธัชพงศ์ แกดำ นักกิจกรรมทางการเมือง ผู้ประสานงานกลุ่มศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย ภาพรวมการเมืองไทย ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ว่า ตอนนี้ ทุกพรรคการเมืองเริ่มวาดภาพแล้วว่าตัวเองต้องได้เท่านั้น เท่านี้ นำผลโพลมารองรับ เพื่อปลุกขวัญและกำลังใจสมาชิกพรรค และแนวร่วม

ทั้งนี้ เราในฐานะประชาชนต้องเสพข่าวอย่างมีวิจารณญาณ โดยเฉพาะเมื่อบางพรรคที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลออกมาให้ข่าวว่าต้องได้ ส.ส.แบบยกจังหวัด ต้องได้อย่างต่ำ 100 เก้าอี้ ตนมองว่าสมควรฟังหูไว้หู เพราะพรรคเหล่านี้ มีความนิยมเชื่อมโยงกับผลงานของรัฐบาล หากรัฐบาลไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ แล้วจะได้เสียงมากจากไหน

เมื่อถามว่า “คนรุ่นใหม่” มีอิทธิพลต่อการเมืองไทยขนาดไหน นายธัชพงศ์ กล่าวว่า คนรุ่นใหม่ หรือกลุ่มเลือกตั้งครั้งแรกมีจำนวนถึง 7 ล้านคน นับว่าเป็นพลังมหาศาล ที่หลายพรรคเข้าไปช่วงชิง คนกลุ่มนี้ สนใจนโยบายพรรค มากกว่าเรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง หากพรรคไหนมีนโยบายที่หวือหวา และมีการนำเสนอที่ทันสมัยถูกจริตคนรุ่นใหม่ ก็จะได้คะแนนไป ดังนั้น เราจะเห็นว่ามีบางพรรคเอาจริงเอาจังเรื่องกัญชา เพราะอยากได้เสียงตรงนี้ คนรุ่นใหม่ ต้องการเห็นความกล้าจากฝ่ายการเมือง ต้องการนโยบายที่แหวกแนว แหกกรอบ ขณะที่บางพรรค ใช้สื่อโซเชียลเป็นแนวหน้าหาเสียง ก็เพราะมองเห็นพลังของคนรุ่นใหม่ ส่วนพรรคที่ตั้งโต๊ะแถลงแบบเดิม จะไม่ได้เสียงจากวัยรุ่นแน่นอน

นายธัชพงศ์ ยังกล่าวถึงการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่กลับมาพูดเรื่องปราบโกง ว่า เป็นไม้ตายของพรรคประชาธิปัตย์ แต่อยากให้ตริตรองให้ดี เพราะอะไรก็ตาม ที่พูดกันบ่อย และมุ่งเป้าโจมตีแค่ฝ่ายเดียว ย่อมจะหมดความเชื่อถือ เช่นกัน พรรคที่ชูประชาธิปไตย ชูความสุจริต ชูคนดี หรือชูอะไรขึ้นมาก็แล้วแต่ ถ้าซ้ำซาก มุ่งโจมตีที่กลุ่มหนึ่งกลุ่มเดียว ล้วนจะถูกมองว่าท่านกำลังใช้วาทกรรมเพื่อโจมตีใส่ร้ายมากกว่าการพูดจริง ทำจริง ทั้งนี้ อยากให้พรรคการเมืองได้ตระหนักว่า คนจำนวนมากไม่ได้เกิดมาในยุคที่มีความขัดแย้งเสื้อเหลือ เสื้อแดง ดังนั้น การใช้วาทกรรมเดิม จะไม่ได้ผลกับคนกลุ่มนี้ รวมไปถึงการใส่ร้ายป้ายสี ก็จะถูกตรวจสอบจากสังคมวงกว้าง ที่เชื่อมเข้าหากันผ่านโลกโซเชียล เหล่านี้ คือความเปลี่ยนแปลงที่ฝ่ายการเมืองต้องปรับตัวให้ทัน

“หลังเลือกตั้ง สิ่งที่น่ากังวลคือความขัดแย้งระหว่าง ส.ส.ด้วยกันเอง จนไม่สามารถจับมือตั้งรัฐบาลได้ จะกลายเป็นคนหน้าเดิมอยู่ต่อไป ตนชื่นชมนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ออกมาเรียกร้องให้นายกฯต้องมาจากการเลือกของ ส.ส.376 คน หาก ส.ส.คิดว่าตนเองเป็นผู้แทนปวงชน ก็ควรเคารพศักดิ์ศรีของตัวเอง และหาทางเลือกนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ด้วยเสียงของ ส.ส.เท่านั้น ส่วนพรรคอื่นที่ยังเหนียม ก็ควรพูดให้ชัดว่าจะไม่ยอมให้ ส.ว.เข้ามาเลือกนายกฯ”


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่