นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการปิดหีบว่า มั่นใจพรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.จำนวน 100 ที่นั่งขึ้นไป ส่วนจะไปร่วมรัฐบาลกับใครนั้นยังไม่สามารถพูดได้ ต้องรอผลการนับคะแนนให้ชัดเจนก่อน เพราะไม่สามารถพูดแทนใครได้ ส่วนหลังเลือกตั้งแล้วพรรคจะดำเนินกิจกรรมไปทางไหนนั้นต้องฟังเสียงสมาชิกและกรรมการบริหารพรรคก่อน ส.ส.ที่ได้รับเลือกเข้ามา
นายจุติ กล่าวต่อว่า ส่วนในพื้นที่กทม.เท่าที่ตนได้รับรายงานจากรองหัวหน้าพรรคที่ดูแล กทม.ยืนยันว่าจะได้ไม่ต่ำว่า 18-20 ที่นั่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราผู้สมัครหน้าใหม่มีจำนวนมากขึ้น และต้องยอมรับว่าพรรคอนาคตใหม่มีความสด และประชาชนคงอยากจะลองของใหม่ จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่มีคะแนนสูง ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตนคิดว่าไม่ใช่ไพ่ใบสุดท้าย แต่เป็นการประกาศจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรค ส่วนไพ่ใบสุดท้ายคือ การประกาศนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ ในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์ไพ่ใบสุดท้ายของพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า
เมื่อถามว่า ณ จุดนี้ยังมั่นใจหรือไม่ว่าจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือร่วมรัฐบาล นายจุติ กล่าวว่า สำหรับตนคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อประชาชนแสดงความเห็นมาแล้ว หลังจากวันที่ 25 มี.ค.น่าจะเห็นแนวโน้มชัดเจนว่า เราได้ส.ส.จำนวนกี่เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อเท่าไหร่ หลังจากนั้นจึงจะมาดูว่าจะรับมือกับปัญหาปากท้องประชาชนอย่างไร หรือจะเข้าไปเป็นรัฐบาลหรือไม่ คงต้องดูว่าปัญหาประชาชนที่มีอยู่นั้นจะทำงานแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งทุกพรรคจะต้องใช้ตรงนี้เป็นตัวตั้งมากกว่าจะพูดว่าจะไปจับมือกับพรรคไหนจัดจั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่า ในปี 2535 พรรคประชาธิปัตย์ แพ้พรรคอันดับ 1ไม่กี่ที่นั่ง แต่นายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคขณะนั้นยอมให้พรรคอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล การเลือกตั้งครั้งนี้มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคอันดับ2 อันดับ3 จะจับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล นายจุติ กล่าวว่าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า ไม่มีใครกระหายอำนาจที่จะช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาล เพราะคนที่เป็นรัฐบาลต้องเข้าไปแก้ปัญหาให้กับประชาชนและทุกคนอยากให้ประเทศเดินหน้า