TPBS รายงานว่า ปัญหาฝุ่นควัน นอกจากส่งผลกระทบกับสุขภาพแล้วยังส่งผลต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ ที่ใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวและนักวิชาการมองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำให้นักท่องเที่ยวไทยและยุโรป ลดลงกว่าครึ่ง
นักท่องเที่ยวชาวจีนยังคงเดินทางมาท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ ในช่วงนี้แม้จะมีปัญหาเรื่องของฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน และมีค่าฝุ่นละอองสูงติดเป็นอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันหลายวัน
Li Shusen นักท่องเที่ยวชาวจีน ระบุว่า ตั้งใจมาเที่ยวทั้ง จ.เชียงใหม่ เพราะอยากมาเที่ยวประเทศไทย โดยไม่กังวลถึงปัญหาฝุ่นละอองเท่าใดนักเนื่องจากในประเทศจีนก็ประสบปัญหามลพิษเช่นกัน
นายดำรงค์ องอาจ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ ระบุว่า หลังประสบปัญหาหมอกควันส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวโดยตรง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทย และกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปที่ลดลงกว่าร้อยละ 50 ซึ่งจะยาวไปถึงช่วงสงกรานต์ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมากว่าจะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
ขณะที่ นายกรวรรณ สังขกร นักวิจัยและหัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มองว่า ปัญหาหมอกควันจะส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น เพราะกลุ่มเหล่านี้มองว่าปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ แต่กรณีนักท่องเที่ยวจีนนั้นอาจจะไม่ส่งผลกระทบ เพราะเนื่องจากประเทศจีนก็ประสบปัญหาหมอกควันเช่นกัน ซึ่งการจะแก้ปัญหาหมอกควัน ในปีต่อไปจะต้องมีการทบทวนและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวให้กลับมา
ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า จากปัญหาหมอกควันรุนแรง ประกอบกับมีการเผยแพร่ข่าวว่า เชียงใหม่ติดอันดับ 1 ของเมืองที่มีฝุ่นละอองมากที่สุดในโลกได้สร้างความกังวลแก่นักท่องเที่ยวทำให้บางส่วนยกเลิกการเดินทางเข้าพื้นที่หรือเปลี่ยนเป้าหมายเดินทางไปพื้นที่อื่นแทน จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเยือนภาคเหนือช่วงสงกรานต์ปีนี้ประมาณ 485,000 คน ลดลงร้อยละ 11.45 สวนทางคาดการณ์การเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศช่วงสงกรานต์ปีนี้ที่จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3
