หน้าแรก news “อดีต สว.” ตั้งคำถามบุก “มูลนิธิขวัญข้าว” หวังปล่อยผีนายทุนผูกขาดกัญชา ?

“อดีต สว.” ตั้งคำถามบุก “มูลนิธิขวัญข้าว” หวังปล่อยผีนายทุนผูกขาดกัญชา ?

0
“อดีต สว.” ตั้งคำถามบุก “มูลนิธิขวัญข้าว” หวังปล่อยผีนายทุนผูกขาดกัญชา ?
Sharing

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ รสนา โตสิตระกูล กรณีตำรวจชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ทหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 7 เข้าตรวจค้นภายในที่ทำการมูลนิธินิธิข้าวขวัญ ต.สระแก้ว อ.เมืองสุพรรณบุรี จับกุมนายพรชัย ชูเลิศ เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ พร้อมของกลางกัญชา 200 ต้น น้ำกัญชาสกัด กัญชาบดแห้งและเมล็ดกัญชาตากแห้งบรรจุถุง และเตรียมออกหมายเรียกนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เพื่อแจ้งข้อหาร่วมกันผลิตกัญชาและครอบครองกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากนายเดชาเดินทางกลับจากการเป็นวิทยากรในต่างประเทศ

ข้อความในเฟซบุ๊กของ น.ส.รสนา ระบุว่า

อย่าให้การจับกุมทีมงานเดชา ศิริภัทร สะท้อนนโยบายผูกขาดกัญชาเพื่อกลุ่มทุนใหญ่ของรัฐบาล คสช.ใช่หรือไม่

ดิฉันรู้จักคุณเดชา ศิริภัทร มานานกว่า 35 ปี คุณเดชาเป็นคนที่มุ่งมั่นจะพัฒนาและรักษาสายพันธุ์ข้าวไทยไว้เพื่อคนไทย และเป็นคนที่ต่อสู้กับการผูกขาดเมล็ดพันธุ์พืช และสารเคมีทางการเกษตรของกลุ่มทุนด้านเกษตรมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เพื่อให้ชาวนาและเกษตรกรไทยสามารถพึ่งตนเองได้ และผู้บริโภคมีอาหารที่ปลอดภัยในการบริโภค

ตั้งแต่รู้จักคุณเดชาที่ดิฉันเคารพเหมือนพี่ชายมาอย่างยาวนาน ดิฉันยืนยันได้ว่าพี่เดชาทำแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ไม่มีความคิดในการทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน จึงไม่น่าแปลกใจในเรื่องกัญชาเพื่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของประชาชนที่พี่เดชาได้ทุ่มเทศึกษามาเป็นเวลานับสิบปี โดยทดลองรักษาตัวเองก่อนเมื่อได้ผลดีแล้ว จึงทำยามามอบให้วัดต่างๆ แจกฟรีให้แก่ผู้ป่วย พี่เดชาและทีมงานอาศัยเงินจากการอบรมความรู้เรื่องกัญชา ที่เก็บคนละ 2 พันบาท หลังหักค่าใช้จ่ายการอบรม ค่าที่พัก ค่าอาหารแล้ว นำมาเป็นทุนเพื่อทำน้ำมันแจกฟรีให้กับผู้ป่วย

พี่เดชาได้ทดลองใช้น้ำมันสกัดจากกัญชากับตนเองก่อนในการรักษาอาการเริ่มต้นของพาร์กินสัน คือ อาการมือสั่น และรักษาเรื่องความจำที่ถดถอย และยังทดลองกับสายตาที่มีอาการวุ้นนัยตาเสื่อม ซึ่งได้ผลดี หลังจากนั้นจึงได้ทดลองทำยาให้คนป่วยมะเร็งที่หมอไม่รักษาแล้ว หรือคนไข้ไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาที่แพงลิบลิ่วได้

นอกจากโรคมะเร็งแล้ว ยังมีคนป่วยด้วยอาการอื่นๆ ที่หายด้วยน้ำมันสกัดกัญชา ที่น่าสนใจมากเช่นอาการปวดไมเกรน ที่คนไข้ต้องฉีดเสตียรอยส์เข้าก้านสมอง หรือโรคลมชัก อาการอัลไซเมอร์ ที่ผู้ป่วยนอนติดเตียง ฯลฯ คนเหล่านี้มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

พี่เดชาได้ทดลองใช้น้ำมันสกัดจากกัญชาความเข้มข้นต่ำเพียง3% ในน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นกับผู้ป่วยจำนวนนับพันคน และมีการเก็บข้อมูลคนป่วยเหล่านั้น ซึ่งเป็นฐานข้อมูลชั้นดีในการต่อยอดงานวิจัยทางการแพทย์สำหรับประชาชนไทย อันเป็นคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ ที่ทางราชการควรมองเห็น และใช้ประโยชน์จากงานเพื่อมนุษยธรรมนี้ของพี่เดชา แทนที่จะมองแบบทื่อๆ ว่า การมีกัญชา ซึ่งเป็นยาเสพติด เป็นเรื่องผิดกฎหมาย

ดิฉันอดแปลกใจไม่ได้ที่มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2562 มีตำรวจ ป.ป.ส.บุกเข้าไปตรวจจับกัญชาที่มูลนิธิข้าวขวัญ ในขณะที่พี่เดชาเดินทางไปบรรยายที่ประเทศลาวและจับกุมทีมงานของพี่เดชาไปเก็บตัวไว้ถึง 72 ชั่วโมง ทั้งที่ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงนิรโทษกรรม 90 วัน (ตั้งแต่ 25 ก.พ. – 25 พ.ค. 2562) ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แก้ไขปี 2562 ที่ได้ปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดประเภทที่ 5 ให้สามารถนำมาใช้ในทางการแพทย์ได้ ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.ที่แก้ไข และรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข มีประกาศหลักเกณฑ์การนิรโทษกรรมผู้ครอบครองกัญชาเพื่อการแพทย์ว่า

ดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การรักษาผู้ป่วย การใช้รักษาโรคเฉพาะตัว หรือการศึกษาวิจัยได้ แต่ด้วยมีหน่วยงานหรือบุคคลผู้ครอบครองยาเสพติดให้โทษ ในประเภท ๕ เฉพาะกัญชาเพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้ก่อนกฎหมายมีผลใช้บังคับ ไม่ต้องรับโทษ หากมีการดำเนินการตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด”

ข้อ ๑ ให้หน่วยงานหรือบุคคลผู้ครอบครองกัญชาก่อนกฎหมายมีผลใช้บังคับ เพื่อประโยชน์ ทางการแพทย์ การรักษาผู้ป่วย การใช้รักษาโรคเฉพาะตัว หรือการศึกษาวิจัย ดังต่อไปนี้ ต้องแจ้ง ลักษณะและปริมาณกัญชาที่มีไว้ในครอบครองภายในเก้าสิบวันนับแต่พระราชบัญญัติดังกล่าว ใช้บังคับ

ฯลฯ

แม้มีกฎหมายนิรโทษกรรม แต่ถ้าการมีกัญชาไว้เพื่อจำหน่ายนั้น ก็อาจเป็นกรณีที่ตำรวจสมควรเข้าไปตรวจสอบจับกุมได้ แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการจับกุมผู้ค้าน้ำมันสกัดจากกัญชาแต่ประการใด

ส่วนกรณีของพี่เดชาไม่ได้มีกัญชาไว้เพื่อจำหน่าย แต่มีไว้เพื่อมอบต่อให้วัดเป็นผู้แจกกับผู้ป่วยแบบให้เปล่า โดยให้ผู้ป่วยได้มารับศีล และฟังธรรมจากพระในวัดนั้นๆ นับเป็นการใช้วัฒนธรรมพุทธศาสนาที่เน้นการแบ่งปันเกื้อกูลกันตามหลักของทาน และศีลในพุทธศาสนา

ข้อตอบแทนจากผู้ป่วยคือข้อมูลอาการเจ็บป่วย และผลหลังจากการใช้ยา ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการศึกษาวิจัยทางการแพทย์เพื่อประโยชน์ของคนไทยต่อไป

ดิฉันจึงมีความเห็นว่าทางตำรวจสมควรพิจารณางดเว้นการจับกุมในช่วงเวลานิรโทษกรรม 90 วัน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม 2562

การออกกฎหมายปลดล็อกกัญชานั้น สังคมยังมีข้อสงสัยว่า การปลดล็อกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์นั้น แท้จริงมุ่งหมายให้กลุ่มทุนใหญ่เป็นผู้ผูกขาดทั้งการปลูก การสกัด และการจำหน่าย ใช่หรือไม่

สิ่งที่เป็นข้อสงสัยคือประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรจากการปลดล็อกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ หากกัญชาถูกผูกขาดโดยกลุ่มทุนในการหากำไรจากความเจ็บป่วยของประชาชน ใช่หรือไม่

การเข้าจับกุมทีมงานของคุณเดชา ศิริภัทร ทั้งที่กฎหมายเปิดโอกาสการนิรโทษกรรมอยู่นั้น ยิ่งจะทำให้สังคมเข้าใจไปได้ว่า การจับกุมครั้งนี้เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม หยุดยั้งงานที่ทำเพื่อมนุษยธรรมในการช่วยเหลือผู้ป่วยได้รับยาแบบให้เปล่าหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อเปิดทางให้กลุ่มทุนใหญ่สามารถผูกขาดการปลูก การสกัด และการจำหน่ายในอนาคตด้วยข้ออ้างในเรื่องความมีมาตรฐาน ใช่หรือไม่

สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำเพื่อแสดงความจริงใจว่าการปลดล็อกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์นั้นทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ข้อแนะนำของดิฉันคือ ในกรณีของคุณเดชา รัฐบาลควรให้มีหน่วยงานราชการ เช่นโรงพยาบาลของรัฐ อย่าง ร.พ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร, ร.พ.ที่พะเยา หรือ ร.พ.ใดๆ ที่มีความสนใจ และความพร้อม หรือมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนอย่าง มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นต้น มาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้กับงานศึกษาวิจัยของคุณเดชา เพื่อให้การสกัดน้ำมันกัญชาเป็นไปอย่างมีมาตรฐานและความปลอดภัย และควรเชิญบุคคลอย่างนายแพทย์ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรค และอาการทางจิตประสาท มาร่วมเป็นพี่เลี้ยง หรือคณะกรรมการในการศึกษาและการวิจัย ซึ่งงานเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ในการสำรวจรวบรวมอาการของโรค ที่กัญชาสามารถใช้รักษา และบรรเทาอาการได้

หากทำได้เช่นนี้ ประชาชนจึงจะเชื่อในความจริงใจของรัฐบาล คสช.ว่ามุ่งปลดล็อกกัญชาเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง

มิเช่นนั้นการจับกุมทีมงานและคุณเดชา ศิริภัทร อาจกลายเป็นการสะท้อนนโยบายผูกขาดกัญชาเพื่อกลุ่มทุนใหญ่ของรัฐบาล คสช.ก็ได้ ใช่หรือไม่


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่