นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัวโดยระบุว่า ม. รังสิต แถลงการณ์แสดงจุดยืนพร้อมเข้าร่วมวิจัยการใช้กัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ของ อ.เดชา ศิริภัทร
ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุม อ.เดชา ศิริภัทร ผู้ที่แจกเมล็ดกัญชา ต้นกัญชา และน้ำมันกัญชาให้กับผู้ป่วยฟรี โดยยังอยู่ในช่วงเวลาไม่เกิน 90 วันที่มีการเปิดโอกาสให้มีการลงทะเบียนนิรโทษกรรมผู้ยื่นขอครอบครองกัญชานั้น ต่อมามีข่าวปรากฏจากเจ้าหน้าที่รัฐกล่าวหาว่า อ.เดชา ศิริภัทร ไม่ได้เป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะผลิตและครอบครองกัญชาได้ตาม มาตรา 26/5 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 ซึ่งได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ได้ ทางสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ขอแสดงจุดยืนดังต่อไปนี้
1.เนื่องด้วยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 ได้กำหนดบทเฉพาะกาลเอาไว้ในมาตรา 22 ว่า “ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5เฉพาะกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การรักษาผู้ป่วย การใช้รักษาโรคเฉพาะตัว หรือการศึกษาวิจัย อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ไม่ต้องรับโทษสำหรับการกระทำนั้น” โดยมาตรา 22 (1) บัญญัติว่า หากเป็นผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา26/5 จะต้องยื่นขออนุญาตครอบครองต่อคณะกรรมการอาหารและยาภายในไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่7) บังคับใช้ คือไม่เกินวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ก็จะสามารถครอบครองได้โดยไม่ต้องรับผิด และหากกรณีไม่ได้รับอนุญาตก็ให้ยาเสพติดให้โทษนั้นตกเป็นของกระทรวงสาธารณสุขหรือให้ทำลายเท่านั้นโดยไม่ต้องรับโทษ
นอกจากนั้นแล้ว ในมาตรา 22 (2) บัญญัติก็ยังเปิดช่องให้ผู้ป่วยที่ยื่นขออนุญาตครอบครองและปฏิบัตตามหลักเกณฑ์ได้ยื่นขออนุญาตเช่นกันด้วย และหากสมมุติว่าในกรณีที่ผู้ยื่นขอไม่มีคุณสมบัติตามมาตรา 26/5 และไม่ใช่ผู้ป่วย แต่มายื่นคำขอในเวลา 90 วัน ก็ให้ยาเสพติดให้โทษดังกล่าวตกเป็นของกระทรวงสาธารณสุขหรือให้ทำลายโดยไม่ต้องรับโทษเช่นกัน
ดังนั้นทางสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต พิจารณาแล้วเห็นว่าการเข้าจับกุมทีมงานยึดของกลางของ อาจารย์เดชา ศิริภัทร ทั้งๆที่เป็นประโยชน์เพื่อการแพทย์นั้น ยังอยู่ในช่วงกรอบเวลา 90 วันตามกฎหมายที่จะนิรโทษกรรมได้ การเข้าจับกุมดังกล่าวอาจขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติต่อบทเฉพาะกาลมาตรา 22 ของ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 และอาจเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้
2.กรณีการแจกเมล็ดกัญชา ต้นกัญชา หรือน้ำมันกัญชา ของ อ.เดชา ศิริภัทร ให้กับผู้ป่วยฟรีนั้น เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการผูกขาด และเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ของผู้ป่วยให้สามารถเข้าถึงการรักษาโดยใช้กัญชาได้ ทั้งนี้ได้มีการลงทะเบียนจัดเก็บข้อมูลผู้ป่วยจำนวนมาก จึงย่อมแสดงให้เห็นว่าในกรณีดังกล่าวนี้เป็นไปเพื่อหลักมนุษยธรรมเพื่อผู้ป่วยและเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือเพื่อประโยชน์ส่วนตน จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ไม่ใช่การทำลายล้าง จับกุม กวาดล้าง
การเข้าจับกุมและกวาดล้างในกลุ่มประชาชนที่แจกฟรีเพื่อผู้ป่วยโดยที่ไม่ใช่เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการค้า ย่อมทำให้ประชาชนยิ่งหวาดระแวงถึงวัตถุประสงค์การเชิญชวนให้ประชาชนยื่นขอลงทะเบียนในการครอบครองกัญชาใน 90 วันนั้น ว่าจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยให้มีสิทธิได้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอนเมื่อพ้นเวลา 90 วันไปแล้ว หรือเมื่อพ้นเวลา 90 วันไปแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐจะกวาดล้าง ทำลาย จับกุมประชาชนที่พึ่งพาตัวเองได้ ให้มาซื้อเฉพาะผลิตภัณฑ์เพื่อประโยชน์ของกลุ่มทุนใดกลุ่มทุนหนึ่งที่อาจมาพร้อมกับสิทธิบัตร ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดพันธุ์ เทคโนโลยีเครื่องมืออุปกรณ์วิธีการเพาะปลูก วิธีการสกัด น้ำมันสกัด ฯลฯ ความหวาดระแวงต่อหลักประกันสิทธิในการใช้กัญชาต่อเนื่องหลัง 90 วันของช่วงเวลานิรโทษกรรมนี้ ปรากฏผลเป็นหลักฐานโดยมีผู้ยื่นคำขออนุญาตครอบครองเพียง 800 กว่าคน จากคนโทรศัพท์สอบถามกว่า 8,000 คน อีกทั้งยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนมากที่ไม่มาติดต่อและแอบใช้กัญชาใต้ดินต่อไป แสดงให้เห็นว่าในขณะนี้ผู้ป่วยและผู้ครอบครองจำนวนมากที่แอบใช้กัญชาเพื่อประโยช์ทางการแพทย์ขาดความไว้วางใจต่อการดำเนินการของภาครัฐอย่างชัดเจน
การเข้าจับกุมทีมงาน อ.เดชา ศิริภัทร และคณะในครั้งนี้ โดยที่ภาครัฐไม่ได้มีทางออกหรือหลักประกันว่าผู้ป่วยที่ใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาฟรีอยู่นั้นจะมีสภาพอย่างไร จะหาผลิตกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ต่อเนื่องได้อย่างไร และรัฐก็ไม่ได้มีผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อมาทดแทนแต่ประการใดด้วย ย่อมเป็นการบีบให้ผู้ป่วยต้องไปหาซื้อผลิตภัณฑ์กัญชาใต้ดินที่มีการขายอยู่จำนวนมาก ซึ่งยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ความปลอดภัยและการปนเปื้อนได้เมื่อเทียบกับการที่เครือข่ายผู้ป่วยปลูกเพื่อดูแลสุขภาพของตนเองโดยไม่มีการขายเพื่อประโยชน์ทางการค้า การเข้าจับกุมดังกล่าวจึงย่อมเกิดโทษต่อผู้ป่วยและสังคมมากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ
สถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เห็นว่ารัฐควรส่งเสริมให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้และสามารถเข้าถึงการใช้ประโยชน์ทางกัญชาทางการแพทย์ได้อย่างแท้จริง อันจะเป็นการป้องกันมิให้ประชาชนต้องใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาใต้ดินซึ่งไม่มีองค์กรใดจะมาตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยได้ ในขณะเดียวกันก็จะเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของภาครัฐ อันเป็นหลักประกันว่าจะไม่ให้เกิดการผูกขาดเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนใดกลุ่มทุนหนึ่งผ่านการดำเนินการผูกขาดของภาครัฐ ดังที่ประชาชนมีความหวาดระแวงแต่เดิมอยู่แล้ว
3.สถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต และมูลนิธิสุขภาพไทย ได้มีโอกาสส่งตัวแทนเข้าฝึกอบรม โดยสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ส่งทีมงานแพทย์แผนไทยประยุกต์ ได้เข้าฝึกอบรมร่วมกับ อ.เดชา ศิริภัทร ก่อนหน้านี้แล้ว มีความเห็นว่าปริมาณการใช้น้ำมันกัญชาของทีมงาน อ.เดชา ศิริภัทรนั้น ได้ใช้ปริมาณน้ำมันกัญชาต่ำมากคือเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น เพื่อเน้นในเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่ให้มีอาการมึนเมา ในขณะเดียวกันผู้ที่จะมีสิทธิใช้ผลิตภัณฑ์กัญชานั้น จะต้องผ่านการฝึกอบรมโดยเน้นใช้ปริมาณน้อยๆเพื่อความปลอดภัยเป็นหลักเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีการเก็บข้อมูลผู้ป่วยจริงจำนวนมากอีกด้วย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะมีคุณค่าและจะมีประโยชน์ในการพัฒนาการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ให้กับประชาชนจำนวนมากอย่างแน่นอน
4.สถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต มีความยินดีที่เริ่มสถาบันการศึกษาและภาครัฐได้ประกาศเข้าร่วมงานวิจัยกับการทำงานของ อ.เดชา ศิริภัทรแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ร่วมกับวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยความเห็นชอบของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีในฐานะเป็นสถาบันอุดมศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัยและจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับทางการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีคุณสมบัติที่จะครอบครองเพื่อวิจัยได้ตาม มาตรา26/5 (2) ของ พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 และมูลนิธิสุขภาพไทย ร่วมกับนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ มีความยินดีที่จะร่วมวิจัยเก็บข้อมูลการดำเนินงานของ อ.เดชา ศิริภัทร และยินดีที่จะดำเนินการให้ อ.เดชา ศิริภัทร และทีมงานอยู่ในฐานะผู้ร่วมวิจัยตามมาตรา 26/5 (2) ในโครงการดังกล่าวนี้ตามเจตนารมณ์เพื่อมิให้เกิดการผูกขาด อันจะนำไปสู่ประโยชน์ต่อประชาชนโดยภาพรวม
5.เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์สำหรับประชาชนอย่างแท้จริง สถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ขอสนับสนุนการแก้ไขกฎหมายทั้งปวงที่จะเป็นอุปสรรคการเข้าถึงการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ของประชาชนได้จริงในทางปฏิบัติ และไม่ให้เกิดการผูกขาดโดยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และเห็นว่าพืชสมุนไพรดังกล่าวนี้ได้ทยอยมีการจดสิทธบัตรจากต่างชาติจำนวนมาก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนสามารถมีส่วนร่วมในพืชสมุนไพรดังกล่าวให้ได้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนเป็นการทั่วไปอย่างแท้จริง