ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลางหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การจัดตั้งรัฐบาลน่าจะสามารถจัดตั้งได้ โดยไม่ต้องพึ่งพานายกรัฐมนตรีคนนอก ภายใต้กระบวนการมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญในอดีต เพราะพรรคการเมืองที่ต้องการจัดตั้งรัฐบาลอยู่ในขณะนี้น่าจะพยายามฟอร์มรัฐบาลกันอย่างเต็มที่ แต่กลัวว่าจะเกิดปัญหาในด้านความมีเสถียรภาพหลังการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จมากกว่า เนื่องจากหากรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพมากพอ แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ จนทำให้เกิดการชะลอการลงทุนกันหมด เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีการชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนเรื่องการเมืองกันบ้างแล้ว
ว่าที่ ร.อ.จิตร์กล่าวว่า โดยในช่วงการเปลี่ยนผ่านหากมีช่องว่างขนาดใหญ่เกิดขึ้น จะมีความน่ากลัวมาก เพราะกฎหมายของไทยที่มีไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย เหมือนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สามารถใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ได้ ทำให้กว่าจะดำเนินการใดได้อาจต้องใช้เวลานาน ถึงแม้จะได้คนเก่งเข้ามาเป็นผู้นำ แต่ถ้ากฎหมายที่มีอยู่ไม่รองรับ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งปัญหาหลักก็คือ ประเทศไทยมีกฎระเบียบมากเกิน จนอาจทำให้การเมืองไทยกลับเข้าสู่วังวนเดิมๆ และทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไม่ได้ สวนทางกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รอว่าจะมีประเทศใดพร้อมเปลี่ยนแปลงไปด้วยหรือไม่
“ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกไม่ดีแบบในปัจจุบัน หากเศรษฐกิจไทยยังไม่ดีอีก ก็จะทำให้กระทบกันไปหมด คนไทยไม่กล้าลงทุนเพิ่มหรือเลือกลงทุนแค่ที่จำเป็นจริงๆ ต่างชาติไม่เข้ามาลงทุน เพราะกลัวความไม่แน่นอน รวมถึงอาจมีประเทศอื่นให้น่าเข้าไปลงทุนมากกว่า ความน่ากังวลคือ โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ประเทศไทยจะเตรียมรับมือความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร โดยเฉพาะหัวเรือใหญ่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ จะมองเรื่องนี้อย่างไร และจะเดินหน้าประเทศอย่างไร แต่ตอนนี้ยังมองไม่เห็นภาพว่าจะออกมาแบบไหน มองไปก็เห็นแต่ภาพเบลอ เพราะแต่ละพรรคการเมืองที่หาเสียงก็ชูแต่นโยบายที่เป็นประชานิยม บอกแต่ว่าจะให้อะไร จะได้อะไร แต่ไม่ได้บอกแผนงานหรือวิธีทำที่ชัดเจนและจับต้องได้ออกมาด้วย” ว่าที่ร้อยเอกจิตร์กล่าว
ว่าที่ร.อ.จิตร์กล่าวว่า ในขณะที่ประเทศอื่นสามารถแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และส่งออกขายต่างประเทศจนสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาล แต่ประเทศไทยยังคงส่งสินค้าเกษตรเหล่านั้นเป็นวัตถุดิบในการผลิต โดยไม่คิดสร้างโรงงานแปรรูปเพื่อผลิตและส่งออกสินค้าเอง จึงมองว่ารัฐบาลที่จะเข้ามาต้องแก้ไขเรื่องระบบการศึกษา สอนให้ประชาชนมีความรู้ความสามารถ เพื่อรองรับการทำงานรูปแบบใหม่ที่จะเข้ามา ไม่ใช่แจกเงินเพียงอย่างเดียว เพราะจะทำให้ประชาชนติดนิสัย และไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาลดความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริง รวมถึงอาจทำให้นักลงทุนจากต่างชาติไม่กล้าเข้ามาลงทุนในประเทศ เพราะกลัวว่าหากเข้ามาลงทุนแล้วจะไม่มีคนมาทำงาน เพราะถึงแม้ไม่ทำงาน แต่รัฐบาลก็แจกเงินให้ใช้อยู่ดี
ขอบคุณข่าว : มติชน