ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่เพจเฟซบุ๊ค Like Anutin จัดทำโดยกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความ พร้อมแนบคลิปสัมภาษณ์ของนายอนุทินจากรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 พร้อมกับอธิบายจุดยืนทางการเมืองของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยอย่างละเอียด
แอดมินเพจ เปิดเผยว่า หวังให้สังคมให้ความเป็นธรรมกับนายอนุทิน ซึ่งถูกโจมตีจากบางกลุ่มว่าไม่รักษาคำพูด เนื่องจากเคยพูดทำนองว่าจะไปร่วมกับฝ่ายประชาธิปไตย แต่ถึงวันนี้กลับยังไม่ตัดสินใจ พร้อมยกตัวอย่างจากการให้สัมภาษณ์ของนายอนุทินตามสื่อต่างๆ ว่า นายอนุทิน ไม่เคยเลือกขั้วเลือกข้าง เพียงแต่ยึดหลักการประชาธิปไตย ทั้งนี้ ที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สนับสนุนให้นายกฯ มาจากการเลือกของ ส.ส. เสียงข้างมาก โดยที่ ส.ว. เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่ง
นอกจากนั้น แอดมินเพจยังอธิบายต่อด้วยว่า จุดยืนของนายอนุทิน คือ ใครก็ตามที่ผ่านการเลือกตั้งเข้ามาแล้ว เท่ากับมีความเป็นประชาธิปไตยแล้ว หากสามารถรวมเสียง สส ตั้งรัฐบาลได้ ก็ถือว่าเป็นไปตามหลักประชาธิปไตย และตามกรอบรัฐธรรมนูญ
โพสต์ดังกล่าวระบุว่า
“ “ได้เวลาพูดความจริง
อย่าหลงเหลี่ยมวาทกรรม
ให้ความเป็นธรรมกับ “อนุทิน”
“นายกฯ ต้องมาจากการเลือกโดย ส.ส. ถ้าให้ ส.ว.มาช่วย ส.ส. กลุ่มหนึ่ง เลือกนายกฯ ทั้งที่เป็น ส.ส.เสียงข้างน้อย แล้วจะบริหารประเทศกันอย่างไร”
นี่คือคำพูดของพี่หนู ในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ 07/03/62 แนวคิดอิงหลักการประชาธิปไตย แต่ไม่สุดโต่ง ถึงขั้นตกขอบ
เป็นเนื้อหาอันเกิดจากการให้ข่าวเพื่อแก้ไขการสื่อสารที่ผิดพลาดของ “สื่อ” บางสำนัก
ย้อนกลับไป วันที่ 6 มีนาคม 62 สื่อบางค่ายพาดหัว
“อนุทิน” ยันภูมิใจไทยอยู่คนละขั้วกับทหาร !!!
พลิกอ่านมุมไหน มองได้มุมเดียว ว่าพี่หนูเป็นปฏิปักษ์กับทหาร ซึ่งผิดวิสัยของพี่หนู ที่ไม่ชอบความขัดแย้ง และเลือกการพูดคุยเป็นทางเลือกแรก
ทั้งนี้ หากอ่านเนื้อข่าวจะพบว่าเป็นเพียงการพาดหัวให้หวือหวา เพราะการให้สัมภาษณ์ พี่หนู อ้างอิงจากไทยโพสต์ 06/03/62 มีดังนี้
“เมื่อถามว่า พรรค ภท.ถูกมองว่าใกล้ชิดกับทหาร รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าใกล้ชิดจริง ทำไมจึงถูกด่าว่าเลอะเทอะ โดยเฉพาะนโยบายกัญชา ส่วนหลังเลือกตั้ง พรรคจะร่วมรัฐบาลกับใครได้หรือไม่นั้น เราจะยึดประชาชนเป็นหลัก
วันนี้พิสูจน์ได้แล้วว่าเราไม่ได้ติดหนี้บุญคุณใครและไม่มีจับมือกับใครก่อน ต่างคนต่างแข่งขัน”
ข่าวรายงานต่อไปว่าพี่หนูสนับสนุนให้นายกฯ ต้องเป็น ส.ส.เท่านั้น จนถึงการไม่ให้ ส.ว. มาเลือกนายกฯ เลย
หากย้อนอ่านจะพบว่า ไม่มีคำว่าขั้ว ว่าข้าง ออกมาจากการให้สัมภาษณ์ของพี่หนูเลย แต่คำดังกล่าว กลับถูกนำไปเขียนเป็นพาดหัวหลัก บิดข้อเท็จจริงเสียผิดเพี้ยน
จนวันที่ 7 มีนาคม 62 พี่หนูต้องออกมาเคลียร์ความเข้าใจผิดหลายประการในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ตามที่แอดฯ ระบุไว้ข้างต้น(คลิปด้านล่าง)
ต้องขอบคุณ “มติชน” ที่ถอดเทปมาให้
พี่หนูกล่าวว่า
“พรรคไม่ได้เทใคร แต่เรายืนยันในหลักการประชาธิปไตย โดยมองภาพรวมของประเทศชาติเป็นสำคัญ
นอกจากนั้น การที่บางสื่อพาดหัวว่านายกฯ ต้องมาจาก ส.ส. เราหมายความว่านายกฯ ต้องมาจากการเลือกโดย ส.ส. ไม่ได้หมายความว่านายกฯ จะต้องเป็น ส.ส. ด้วย อาทิ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ถ้า ส.ส. เลือกท่านมา ตนก็ไม่มีปัญหา ตรงนี้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้”
เช่นกัน พี่หนูย้ำว่า ไม่ได้ปฏิเสธอำนาจของ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ แต่ไม่สนับสนุนให้นายกฯ มาจากการโหวตของ ส.ส. “ข้างน้อย” บวกเสียง 250 ส.ว.เพราะหากเป็นเช่นนั้น จะกระทบกับเสถียรภาพของรัฐบาล
“ถ้าให้ ส.ว.มาช่วย ส.ส. กลุ่มหนึ่ง เลือกนายกฯ ทั้งที่เป็น ส.ส.เสียงข้างน้อย แล้วจะบริหารประเทศกันอย่างไร ได้นายกฯ แต่ไปไม่รอด เราต้องคิดถึงอนาคต เลือกนายกฯ แล้วต้องทำงานได้ จึงต้องให้ ส.ส. เขาจัดตั้งกันเอง ใครรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง ก็ถือว่ามาจากเสียงปะชาชน ตนไม่อยากเห็นกรณีที่ ส.ส. เลือกได้แล้ว แต่ไปต่อไม่ได้ เพราะ ส.ว. ไม่อยากได้นายกฯคนนี้”
นี่คือเรื่องของหลักการ
ดังนั้น สิ่งที่พี่หนูพยายามจะสื่อสาร ประกอบไปด้วย
1.พี่หนู และพรรคภูมิใจไทย มุ่งมั่นทำนโยบาย โดยไม่เกี่ยงว่าต้องร่วมมือกับพรรคไหน แต่ต้องอยู่บนครรลองของความถูกต้องเหมาะสมตามระบอบประชาธิปไตย (ใครที่คิดว่าพี่หนูเลือกข้างไปแล้วตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ขอให้ย้อนไปอ่านข้อเท็จจริงด้านบน ซึ่งพี่หนูยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยเดินสายกลาง เป็นตัวของตัวเองแยกขาดจากพรรคอื่น ไม่ถูกครอบงำ จึงไม่ได้แปลว่าเลือกข้างแต่อย่างใด กลับกันสามารถร่วมงานกับทุกฝ่ายบนพื้นฐานของความชอบธรรม)
นอกจากนั้น สำหรับพี่หนูแล้ว การเลือกตั้ง คือกระบวนการคัดเลือกตามระบอบประชาธิปไตย ใครผ่านกระบวนการนี้มาได้ ล้วนมีความเป็นประชาธิปไตยทั้งสิ้น เพราะเป็นคนที่ประชาชนเลือกมาตามกติกา
ซึ่งพี่หนูกล่าวไว้ใน Momentum 19/03/62
“เราต้องให้เกียรติประชาชนนะครับ คนไม่ดีประชาชนจะเลือกเข้ามาได้อย่างไร ถ้าเราไปบอกว่าผู้แทนของประชาชนคนนี้ไม่ดี เลว ก็เท่ากับไปด่าประชาชน ซึ่งเรามีสิทธิอะไรไปด่าประชาชน เรามีสิทธิอย่างเดียวนี่คือต้องทำงานรับใช้ประชาชน ดูถูกดูแคลนไปได้อย่างไร ในเมื่อประชาชนเหล่านั้นตัดสินใจใช้สิทธิของเขาไปแล้ว”
ดังนั้น หลังการเลือกตั้ง จึงไม่มีคำว่าเผด็จการ หรือสืบทอดอำนาจอีกต่อไป และย่อมไม่มีคำว่าสืบทอดระบอบทักษิณด้วย การก้าวเดินของพี่หนูจึงไม่ใช่การสืบทอด-ต่อยอดระบอบไหนเลย หากแต่เป็นการเลือกเดินบนวิถีของประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญกำหนด
- พี่หนูเห็นว่านายกฯ สมควรมาจากการเลือกโดย ส.ส.เป็นหลัก และ ส.ว.เป็นแนวเสริมเท่านั้น แต่วุฒิสภา ไม่ใช่ตัวกำหนดว่า ใครจะได้เป็นนายกฯ
การสื่อสารของพี่หนูเคลียร์คัทชัดเจนดีอยู่แล้ว แต่ด้วยพลังแห่งวาทกรรม(ระบอบเผด็จการ, ระบอบทักษิณ) บวกกับความแตกแยกของสังคมไทย ที่ทำลายข้อเท็จจริงทุกอย่าง ให้เหลือแต่ “พวกเขา พวกเรา” อย่างสุดขั้ว
หลายฝ่ายไม่พร้อมรับฟังการสื่อสารของพี่หนู พวกเขาอยากได้ยินเพียงคำว่าพี่หนูปฏิเสธเผด็จการ พี่หนูปฏิเสธฝ่ายทักษิณ
ไม่แม้กระทั่งจะ “รอ” ฟังพี่หนูพูดจริงๆ ด้วยซ้ำ
พี่หนูจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียหาย ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด เนื่องจากพี่หนูปฏิเสธการเลือกขั้วแบ่งข้าง จึงมีอิสระในการร่วมงานกับทุกฝ่ายที่สามารถทำให้นโยบายเป็นจริง บนพื้นฐานของการเคารพหลักการประชาธิปไตย
แน่นอนว่าพี่หนูไม่เคยบอกว่าจะไปอยู่ขั้วไหน แต่หลายคนกลับเลือกข้างให้พี่หนู ไปคาดหวังว่าต้องทำแบบนั้น แบบนี้ แล้วมาตำหนิพี่หนู ยามผลลัพท์ไม่เป็นดังที่ตนวาดฝันไว้
ดังนั้น ถึงบรรทัดนี้ เราอยากให้ทุกคนอ่านข่าว เสพสื่ออย่างมีสติ
และถ้าคุณศรัทธาในสิ่งที่เรียกว่าความเป็นธรรม ก็จงให้ “ความเป็นธรรม” กับพี่หนู-อนุทินด้วย
(และเพื่อให้เข้าใจพี่หนูมากขึ้น เราอยากให้ฟังคลิปด้านล่างอีกครั้งหนึ่ง เป็นการสนทนาในรายการเจาะลึกทั่วไทยฯ ของคุณดนัย ตั้งแต่วันที่ 07/03/62
นี่เป็นคลิปที่ถอดความในใจของพี่หนูได้ชัดเจนที่สุด
และเป็นคลิปที่บอกว่า พี่หนู ไม่ได้ผิดคำพูดแต่อย่างใด) ”
ทั้งนี้ โพสต์ข้างต้นมีการแสดงความเห็น และแชร์ต่อไปเป็นจำนวนมาก
กดอ่านลิ้งค์ : https://www.facebook.com/LikeAnutin/posts/435132597317244?__tn__=K-R