หน้าแรก news “เฉลิมชัย” ย้ำให้รอ 2-3 วัน “ประชาธิปัตย์” ชัดเจน ด้าน “ราเมศ” ปฏิเสธทุกข่าวลือ

“เฉลิมชัย” ย้ำให้รอ 2-3 วัน “ประชาธิปัตย์” ชัดเจน ด้าน “ราเมศ” ปฏิเสธทุกข่าวลือ

0
“เฉลิมชัย” ย้ำให้รอ 2-3 วัน “ประชาธิปัตย์” ชัดเจน ด้าน “ราเมศ” ปฏิเสธทุกข่าวลือ
Sharing

(17 พ.ค.62) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายธนา ชีรวินิจ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ นายอันวาร์ สาและ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร รองเลขาธิการ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค และนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่พรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้นายเฉลิมชัยได้ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่มีข่าวลือถึงการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทยว่า ได้มีการพูดคุยกันจริง แต่ไม่มีการพูดคุยเรื่องตั้งรัฐบาล มีเพียงการแสดงความยินดีส่วนตัวเท่านั้น และเป็นคนละส่วนกับการร่วมรัฐบาล

“เอาอย่างนี้ดีกว่า ส่วนตัวผมนะ ผมมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่ขอให้เป็นมติของกรรมการบริหารที่จะประชุมร่วมกับ ส.ส. ดีกว่า อีกไม่เกิน 2-3 วันก็รู้ เพราะว่าอย่างน้อยที่สุด สภาก็จะประชุม ทิศทางของเรา เราก็ต้องชัดเจนเมื่อถึงวันนั้น”

ส่วนข่าวลือที่ว่ามีการแบ่งตำแหน่งให้กันแล้วนั้น นายเฉลิมชัย ปฏิเสธชัดเจนว่าไม่มี และเป็นข่าวโคมลอยทั้งหมด ทั้งนี้คาดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุม ส.ส. ร่วมกับกรรมการบริหารพรรคในต้นสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นวันไหนนั้นขอหารือกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคก่อน

นอกจากนี้ในส่วนที่เป็นข่าวลือเรื่องการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น นายเฉลิมชัย กล่าวย้ำอีกครั้งว่าไม่จริงหรอก ยังไม่มีใครคุย วันนี้ผมมาเป็นเลขาพรรค ผมยังไม่รู้เลยว่าใครจะไปคุย ก็มีข่าวออกมาทั้งวัน ยืนยันเลยว่ายังไม่ได้มีการคุยกับใครทั้งหมดเลย

ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคฯ ไลฟ์สดที่เพจของ “หมอเอ้ก” นพ.คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ วานนี้นั้น นายเฉลิมชัยกล่าวว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของท่าน ซึ่งก็เป็นความเห็นหนึ่งที่ต้องรับฟัง แต่ละคนก็มีความคิดเห็นกันได้ สำหรับผมต้องรักษามารยาทเอาไว้ อยู่ในใจดีกว่า เดี๋ยวถึงเวลาอีก 2-3 วันนี้ก็คงจะชัดเจน ในเรื่องปัจจัยการเลือกตั้งนั้นมีหลายส่วน ทั้งที่ทำให้ได้คะแนน และเสียคะแนน แต่สิ่งต่างๆ เหล่านั้น ก็คือสิ่งที่เราจะต้องนำมาเรียนรู้ แต่คงไม่มีการไปโทษใครหรือว่าใครคนใดคนหนึ่ง วันนี้เรามีหน้าที่ฟื้นศรัทธามาให้ประชาธิปัตย์ สิ่งใดที่เป็นความผิดพลาดก็นำมาแก้ไข และพยายามรวมคนประชาธิปัตย์ที่มีศักยภาพให้มาช่วยงาน นี่คือเป้าหมายเลย

 

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงต่อกรณีที่มีการเสนอข่าวว่ามีหลายพรรคร่วมประชุมกันในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งมีข่าวปล่อยอีกด้วยว่านายชวน หลีกภัย โทรศัพท์ติดต่อกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณเพื่อขอเข้าร่วมรัฐบาลนั้น กระแสข่าวต่างๆ ดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่มีเรื่องไหนที่เป็นความจริงเลย อีกทั้งตนมีหลักฐานอยู่ในมือแล้วว่าเป็นการปล่อยข่าวออกมาจากพรรคการเมืองใด เหตุผลที่ต้องออกมาย้ำในเรื่องนี้เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีกระบวนการ กล่าวคือพรรคฯ มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา ขณะนี้เมื่อผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว คณะกรรมการบริหารพรรคฯ จะต้องกรอกแบบฟอร์ม พ.ก.4 (หนังสือแสดงเจตจำนงเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง) ตามมาตรา 38 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพื่อแจ้งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งขั้นตอนยังอยู่ตรงนี้

ทั้งนี้ขั้นตอนหลังจากที่พรรคฯ แจ้งผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ต่อ กกต. แล้ว ข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ระบุไว้ว่า หัวหน้าพรรค โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดให้มีการประชุมร่วมกับ ส.ส.ของพรรค ในวันใด ทั้งนี้การประชุมดังกล่าวจะเป็นตัวกำหนดทิศทางในการร่วม หรือไม่ร่วมรัฐบาล

“พรรคฯ ขอยืนยันว่า เราเป็นสถาบันทางการเมือง การดำเนินการต่างๆ นั้น เรามีจุดยืน มีหลักการ และมีศักดิ์ศรี ฉะนั้นการที่จะไปดำเนินการต่างๆ เหล่านี้ ได้มีขั้นตอนกำหนดไว้แล้วอย่างเคร่งครัด” นายราเมศกล่าว

นอกจากนี้จากการที่ขณะนี้มีคดีที่ขึ้นสู่ศาลในเรื่องการวินิจฉัยคุณสมบัติ ส.ส. นายราเมศกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีคดีที่ขึ้นสู่ศาล และศาลมีคำตัดสินออกมาแล้ว เช่น ในกรณีเรื่องการเลือกตั้งในจังหวัดอ่างทอง แต่สำหรับกรณีที่พรรคการเมืองอื่นถูกดำเนินคดีอยู่นั้น ตนอยากเรียกร้องว่าขอให้พรรคการเมืองต่างๆ ต่อสู้คดีตามครรลองของกระบวนการยุติธรรม ขณะนี้บ้านเมืองกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ฉะนั้นหากไม่ยอมรับในกระบวนการ กฎเกณฑ์ กติกาต่างๆ แล้วจะทำให้เกิดปัญหาได้

พร้อมกันนั้นนายราเมศกล่าวเพิ่มเติมในโอกาสที่รับตำแหน่งโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนนอกจากมีหน้าที่ในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์งานของพรรคฯ ผลงานของพรรคฯ และบุคลากรต่างๆ ของพรรคฯ แล้ว ตนมีหลักการสำคัญที่ยึดไว้คือ จะขอทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้กับประชาชนด้วย เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง ดังนั้นเมื่อพี่น้องประชาชนสะท้อนปัญหามา ตนจะยึดปัญหาความทุกข์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และพร้อมที่จะเป็นกระบอกเสียงให้พี่น้องประชาชนด้วย


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่