หน้าแรก news “อนาคตใหม่” ยื่นญัติขอตรวจสอบผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ชี้ เป็นอำนาจสภาผู้แทนฯ

“อนาคตใหม่” ยื่นญัติขอตรวจสอบผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ชี้ เป็นอำนาจสภาผู้แทนฯ

0
“อนาคตใหม่” ยื่นญัติขอตรวจสอบผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ  ชี้ เป็นอำนาจสภาผู้แทนฯ
Sharing

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่รัฐสภาแห่งใหม่ (เกียกกาย) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคอนาคตใหม่ ทั้ง 80 คน เข้ายื่นเอกสารคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยสมาชิกภาพของ ส.ส. เนื่องจากเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ หลังจากพรรคอนาคตใหม่ตรวจสอบแล้วพบว่า มีกรณีเข้าข่ายจำนวน 30  คน รวมถึงยื่นหนังสือ ขอเสนอญัติ เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาและตรวจสอบคุณบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย โดยมี นายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ผบ.กลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือทั้ง 2 ชุด

 

นายปิยบุตร กล่าวว่า วันนี้ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เดินทางมายื่นเอกสารต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 รายการ คือ เรื่องแรก. ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 เข้าชื่อ ส.ส.จำนวน 1 ใน 10 ขึ้นไป ร้องขอต่อ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่า มี ส.ส. ที่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม เรื่องที่สอง. ยื่นเรื่อง ขอยื่นญัตติให้สภาผู้แทนราษฎร มีการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนลงมติให้ความเห็นชอบ

 

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า เรื่องแรกเป็นการใช้สิทธิตาม มาตรา 82  ซึ่งตนเคยแถลงข่าวก่อนศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องและให้นายธนาธร ยุติการปฏิบัติหน้าที่แล้วว่า จำเป็นต้องขอสงวนสิทธิ์ในการใช้วิธีการ ช่องทาง การร้องเรื่องคุณสมบัติต้องห้ามของ ส.ส. ที่ถือหุ้นสื่อในทำนองเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราตรวจสอบแล้ว มี ส.ส. หลายท่านถือหุ้นบริษัทต่างๆ ที่หนังสือวัตถุประสงค์ของบริษัทนั้นมีเรื่องการประกอบกิจการสื่ออยู่ โดยรายชื่อของ ส.ส. 30 คนนั้น ประกอบด้วยพรรคพลังประชารัฐ 27 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน พรรคประชาภิวัฒน์ 1 คน และพรรคชาติพัฒนา 1 คน

“ตามกระบวนการแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะไม่มีอำนาจในการใช้ดุลยพินิจใดๆ ต้องส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ถ้ารายชื่อ ส.ส.ที่ลงชื่อครบ 1 ใน 10 และถ้าหากใช้มาตรฐานที่เท่าเทียมกันกับกรณีของนายธนาธร  ซึ่ง กกต.ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ และมีคำสั่งรับคำร้องและสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ถ้าใช้มาตรฐานเดียวกัน น่าจะเชื่อได้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องภายใน 7 วัน และมีคำสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเช่นกันสำหรับ ส.ส.ทั้ง 30 คน” นายปิยบุตร กล่าว

 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายละเอียดในหนังสือขอเสนอญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาและตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีดังนี้

ตามที่ประธานรัฐสภาได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 ในวันที่ 5 มิถุนายน 2562 โดยมีระเบียบวาระประชุมเรื่องพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อย่างไรก็ดี ในมาตรา 159 วรรคแรก ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดว่าการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต้องพิจารณาจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 เท่านั้น และโดยที่การเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นอำนาจเฉพาะของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การพิจารณาว่าบุคคลดังกล่าวมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 หรือไม่ จึงเป็นอำนาจเฉพาะของสภาผู้แทนราษฎรด้วย

 

เมื่อพิจารณามาตรา 159 และมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยประกอบกันแล้ว การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจึงแบ่งออกเป็นสองขั้นตอน ได้แก่ การพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งในขั้นตอนนี้เป็นอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร และการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งในขั้นตอนนี้เป็นอำนาจของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา

ดังนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายผู้มีรายชื่อแนบท้ายนี้ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงขอเสนอญัตติดังกล่าวมาตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อ 37 เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเสียก่อน โดยบรรจุญัตติเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 1 ครั้งที่ 3 ในวันที่ 5 มิถุนายน 2562 เพื่อพิจารณาในส่วนนี้ให้แล้วเสร็จก่อนที่จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนเหตุผลและรายละเอียดจะได้ชี้แจงในที่ประชุมสภาฯ ต่อไป

 


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่