ดร.ฐิติพล ภักดีวานิช คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวหลังจากที่มีการพิจารณายกเลิก ม.44 ว่า การจะมีมาตรา 44 หรือไม่มี คงไม่มีนัยยะสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงหลังการรัฐประหารเอง ในฐานะที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้า คสช.และรัฐบาลที่ใช้มาตรา 44 เป็นอำนาจเด็ดขาด เมื่อไม่มีอำนาจตามมาตรา 44 รัฐบาลก็ยังมีกลไกเครื่องมือทางกฎหมายอีกหลายอย่างในการควบคุมกดดันฝ่ายตรงข้าม ผู้ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลไม่ให้เคลื่อนไหว ส่วนการใช้กฎหมายต่างๆ เช่นมาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญาเอง หรือการใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรืออื่นๆ มองว่ายังเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง
มีหรือไม่มีสำหรับมาตรา 44 มันไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบการปกครองในการใช้อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีมากนัก สิ่งเหล่านี้ยังเป็นพื้นที่ของรัฐบาลยังใช้ได้อยู่ เราก็เห็นแล้วว่าที่ผ่านมารัฐบาลใช้กฎหมายเหล่านี้ด้วยเหมือนกัน ในการควบคุมความคิดที่แตกต่างกัน สะท้อนให้เห็นการไม่ยอมรับหลักการของประชาธิปไตยของรัฐบาล
ในส่วนของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ผมว่าสุดท้ายพรรคเหล่านี้ก็ต้องคงประนีประนอมกันบนพื้นฐานของผลประโยชน์ที่แต่ละพรรคได้รับ แม้ว่าเสียงข้างมากจะไม่ได้มากจริงๆ ในสภา แต่คิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องการพยุงให้รัฐบาลอยู่ได้ในระยะยาวเช่นกัน เพราะถ้าเกิดมีการเลือกตั้งในระยะเวลาใกล้นี้ พรรคร่วมรัฐบาลเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะได้เปรียบในการเลือกตั้งด้วยซ้ำ เพราะกระแสการตอบรับกับการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ค่อนข้างสูงอยู่ เพราะฉะนั้น ผมว่าพรรคการเมืองก็พร้อมประนีประนอมผลประโยชน์ที่แต่ละพรรคมีร่วมกัน เพื่อให้รัฐบาลอยู่ได้ในระยะยาว ส่วนการทำงานก็ไม่น่าจะยาก สุดท้ายถ้าผลประโยชน์ทุกพรรคลงตัว ก็กลับไปสู่การทำงานอย่างเดิม คิดว่าไม่น่าจะไม่มีปัญหา
การทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลภายใต้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาลเองก็ได้รับการสนับสนุนจากทั้งนักธุรกิจและอีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการฟอกขาวจากการเลือกตั้ง เพราะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้งก็จะช่วยได้มากในเรื่องการดำเนินงานการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ความกดดัน หลายๆ อย่างก็ลดลงไปทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ขอบคุณ : มติชน