การประชุมผู้นำ G20 ในปี 62 จะหารือประเด็นท้าทายทางเศรษฐกิจของโลกในยุคปัจจุบัน อาทิ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจโลก การรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรม การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและครอบคลุม รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำและการส่งเสริมบทบาทสตรี การรองรับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร รวมทั้งการรักษาสภาพแวดล้อมของโลก เช่น เรื่องการจัดการปัญหาสภาวะโลกร้อน ขยะทางทะเล แหล่งพลังงานยั่งยืน เป็นต้น
ในการเข้าร่วมการประชุมผู้นำ G20 ครั้งนี้ ไทยมีความตั้งใจที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์ซึ่งสอดคล้องกับหัวข้อหลักของวาระการเป็นประธานอาเซียนของไทย ได้แก่”ร่วมมือ ร่วมใจ มั่งคั่ง ยั่งยืน” (Advancing Partnership for Sustainability) เพื่อย้ำความสำคัญของการร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบการค้าพหุภาคีและเศรษฐกิจโลก การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการกระจายผลประโยชน์และความเป็นธรรมจากเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งในเรื่องความร่วมมือเพื่อร่วมกันรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การรักษาสิ่งแวดล้อม การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยผลักดันในกรอบอาเซียนมาอย่างต่อเนื่องตามแนวคิด “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง”
การประชุมกลุ่มประเทศสมาชิก G20 ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๕๔๒ เพื่อเป็นเวทีของผู้นำประเทศที่สำคัญของโลก ๒๐ ประเทศ หารืออย่างไม่เป็นทางการเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินโลก รวมถึงตอบสนองต่อประเด็นท้าทายใหม่ ๆ ทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ สมาชิกประกอบด้วยประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 8 ประเทศ อาทิ สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เยอรมนี สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย
และประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ ๑๑ ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ และตุรกี
รวมถึงสหภาพยุโรป สมาชิกกลุ่ม G20 มีมูลค่า GDP เท่ากับร้อยละ 90 ของโลก และมีจำนวนประชากร เป็นร้อยละ ๖๖ ของโลก
สำหรับในปีนี้ ญี่ปุ่นได้เชิญแขกพิเศษเข้าร่วมเพิ่มเติม ๘ ประเทศ ได้แก่ สเปน (Permanent Guest) เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ เวียดนาม ไทย (ประธานอาเซียน) ชิลี (เจ้าภาพเอเปค) อียิปต์ (ประธาน AU) และ เซเนกัล (ประธาน NEPAD
การประชุมผู้นำ G20 กำหนดจัดขึ้นทุกปี ในครั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียน โดยมีหัวข้อหลักในการประชุมครั้งนี้ 4 หัวข้อด้วยกัน ได้แก่
1) เศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน
2) นวัตกรรม (เศรษฐกิจดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์)
3) การแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมและการสร้างโลกที่ยั่งยืนและทุกคนมีส่วนร่วม
4) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อม และพลังงาน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีไทย มีความตั้งใจที่จะผลักดันบทบาทของไทยในฐานะประธานอาเซียนและตอกย้ำประเด็นสำคัญที่ได้ข้อสรุปจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34
ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา เพื่อต่อยอดไปยังการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ในเดือนพฤศจิกายน 2562 และผลักดันบทบาทของไทยในฐานะตัวกลางที่สามารถเป็นสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างอาเซียน และ G20 เพื่อร่วมกันต่อสู้กับประเด็นท้าทายที่สำคัญของโลก ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในนโยบายเศรษฐกิจของไทยภายหลังการเลือกตั้ง
ขอบคุณ สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์