พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เผยถึงการเดินทางเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ หรือ G20 ที่ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่นว่า ตนเองในฐานะประธานอาเซียน ได้นำผลและมติต่างๆ จากการประชุมอาเซียนซัมมิท ครั้ง 34 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพนำเสนอต่อที่ประชุม G20 ซึ่งการประชุมในช่วงหนึ่งและสองของเมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.62) มีความเห็นสอดคล้องคล้ายคลึงกัน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การพัฒนาเทคโนโลยี โดยหามาตรการรองรับผลกระทบด้านเศรษฐกิจของโลก และคาดหวังว่าหลังประชุมสถานการณ์ต่างๆ จะผ่อนคลายมากขึ้น
ขณะที่ไทยและอาเซียนก็ต้องเตรียมความพร้อม เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และขยะทะเลที่อาเซียนได้มีมติร่วมกันในการแก้ปัญหา
ที่ประชุม G20 มีความคิดเห็นที่สอดคล้องกันกับแนวคิดหลักอาเซียนในปีนี้ คือร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน
การประชุมครั้งนี้ สหภาพยุโรป หรืออียู ได้เข้าร่วมด้วย ซึ่งทางอียู ยินดีที่จะปรับระดับความสัมพันธ์ประเทศไทยมาอยู่ในระดับปกติจากการที่ไทยเป็นประชาธิปไตยแล้ว
นายกรัฐมนตรี ได้นำมุมมองของอาเซียน เกี่ยวกับความร่วมมือในกรอบต่างๆ ที่จะช่วยสร้างการพัฒนาให้กับทุกประเทศ เช่น ยุทธศาสตร์ความร่วมมือ อินโด-แปซิฟิก ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ที่จะเร่งดำเนินการให้เสร็จในช่วงที่ไทยเป็นประธานอาเซียน
นอกจากนี้ ยังย้ำกลไกความร่วมมือของอาเซียนที่ทำให้ภูมิภาคมีความสงบ และเช่นปัญหาในทะเลจีนใต้ที่ใช้หลักสันติวิธี ขณะที่กรณีของโรฮีนจา อาเซียนได้ร่วมมือพลักดันการแก้ปัญหาที่ยึดความสมัครใจของเมียนมาและการพูดคุยกับบังกลาเทศ