หน้าแรก news รองโฆษก “เพื่อชาติ” มองฮ่องกงโมเดล แนะคนไทยเห็นความสำคัญของการรักษาสิทธิ

รองโฆษก “เพื่อชาติ” มองฮ่องกงโมเดล แนะคนไทยเห็นความสำคัญของการรักษาสิทธิ

0
รองโฆษก “เพื่อชาติ” มองฮ่องกงโมเดล แนะคนไทยเห็นความสำคัญของการรักษาสิทธิ
Sharing

นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่ประชาชนชาวฮ่องกงออกมา ชุมนุมเพื่อต่อต้านร่าง กม.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยไม่มีแกนนำ ว่า การชุมนุมครั้งนี้นอกจากจะได้เห็นบทบาทและอิทธิพลของ “การสื่อสารทางการเมืองที่ทรงพลัง” ผ่านโซเชียลมีเดียแล้ว การชุมนุมครั้งนี้ ยังได้สะท้อนให้เห็นถึงระดับการศึกษา ระดับความคิด และความรับผิดชอบต่อสังคมของคนฮ่องกงที่มีอย่างสูง ทุกคนมาด้วยหัวใจเพื่อปกป้องสิทธิของความเป็นพลเมือง สิทธิในการปกป้องครอบครัว เพื่อน ญาติมิตร และแผ่นดินเกิดของตนเอง แม้ภายใต้การปกครองของจีน เศรษฐกิจของฮ่องกงมั่งคั่งอย่างมาก และอาจจะเจริญกว่าไทย แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้คือ คนของเขา ยังมีสำนึกของการรักษาสิทธิของตนมากกว่าเรา เรื่องนี้เริ่มขึ้นจากกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ที่รัฐพยายามผลักดันออกมา คือ สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปจีนได้ ซึ่งคนฮ่องกงไม่ยอม เนื่องจากปัญหาการเมืองระหว่างจีนกับฮ่องกง และรัฐบาลจีนอาจจะยัดข้อหาอะไรให้คนฮ่องกงเพื่อส่งกลับไปจีนและรับโทษอย่างไม่เป็นธรรมก็เป็นได้ แม้ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารของฮ่องกงจะเลื่อนการอภิปรายพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้มีการถอนร่างกฎหมายนี้ออกจากการพิจารณาเป็นการถาวร รวมถึงกดดันให้นางแคร์รี่ หล่ำ ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดด้วย จึงได้มีการนัดชุมนุมหลายครั้ง ดังนั้นเมื่อมองกลับมาที่ประเทศเรา ข้อหา หรือกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเช่นนี้กลับถูกเพิกเฉย หลาย ๆ ข้อหาใช้เป็นเครื่องมือกำจัดคนเห็นต่าง  แต่คนไทยส่วนใหญ่มักปล่อยผ่าน ตนจึงอยากให้สังคมไทยเราลองศึกษาประวัติศาสตร์ของหลายประเทศไม่เพียงเฉพาะฮ่องกง เราจะรู้เลยว่า การรักษาสิทธิของตัวเอง มีผลต่อความร่ำรวยรุ่งเรือง และเจริญก้าวหน้าของประเทศและของตนเองอย่างไร

รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ประเด็นที่น่าสนใจนั่นคือ เพราะเหตุใดชาวฮ่องกงบางคน จึงได้ใช้สเปรย์สีดำพ่นทับตราสัญลักษณ์ของฮ่องกง แล้วชูธงชาติสหราชอาณาจักรเหนือตราดังกล่าว ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนคิดว่าอาจเป็นเพราะในยุคอาณานิคม ที่อังกฤษปกครองนั้น ชาวฮ่องกงได้ลิ้มรสเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ขณะที่จีนมีชื่อเสียในเรื่องการควบคุมการแสดงความเห็นโดยเสรีและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารถูกจำกัด ทั้งนี้ ตนก็หวังว่าประชาชนคนไทย ที่แม้จะมีประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองมากมายในอดีตแล้ว ก็ได้นำเอาฮ่องกงโมเดลนี้มาร่วมพิจารณาด้วย ใช้ประวัติศาสตร์ เหตุการณ์สำคัญเหล่านี้ มาเป็นบทเรียน เพื่อที่จะตระหนัก เรียนรู้ นำมาเทียบเคียงกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ที่มีเรื่องให้น่าเป็นห่วงอย่างต่อเนื่อง และตนหวังว่าสักวันหนึ่งอันใกล้นี้ เราจะได้นำบทเรียนต่างๆ เหล่านี้มาแก้ไขปัญหาในประเทศในแบบของเราเอง


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่