นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และเป็นหนึ่งในห้าอดีตกรรมการ ที่เป็นผู้อนุมัติ สินเชื่อ ธนาคารกรุงไทยจำกัดมหาชน ให้กับเครือกฤษดามหานคร ออกมาชี้แจงว่าได้ผ่านการตรวจสอบ ทั้งในแง่หน่วยงานองค์กรอิสระต่างๆ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดตั้งแต่ต้น การหยิบยกเรื่องการปล่อยสินเชื่อธนาคารกรุงไทยฯขึ้นมาอีกครั้งเป็นความพยายามโจมตีเพื่อหวังผลทางการเมืองว่า
หากข้อเท็จจริง เป็นไปตามที่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐระบุ นายอุตตม ต้องเอาพยานหลักฐานออกมาเปิดเผยต่อประชาชนและสังคม ให้หายเคลือบแคลงสงสัย ว่าเหตุใดจึงเป็นผู้ลงนามเข้าร่วมประชุม อนุมัติสินเชื่อที่ผิดกฎหมาย ให้เครือกฤษดามหานคร
และมีพยานหลักฐานหรือรายงานการประชุมไม่เห็นด้วย หรือคัดค้านการ อนุมัติสินเชื่อดังกล่าวหรือไม่
ถ้ารายงานประชุมไม่มีก็เท่ากับนายอุตตม เห็นด้วยต้องถือว่ามีความผิดและถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับบุคคลอื่นๆเช่นกัน
ดังนั้น “ถ้ามีชื่อนายอุตตมร่วมประชุม จะไปตัดชื่อออกเฉยๆได้อย่างไร จึงต้องมีหลักฐานว่ามีความเห็นคัดค้านอยู่ขอให้นำออกมาเปิดเผย”
เช่นเดียวกันหากจะอ้างว่าได้กันนายอุตตม ไว้เป็นพยาน ขอให้นำหลักฐานมาชี้แจง และต้องชี้แจงว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไรในการกันไว้เป็นพยาน
นายชัยเกษม ระบุด้วยว่า หลักเกณฑ์ในการกันบุคคลที่กระทำความผิดไว้เป็นพยาน จะต้องมีความผิดที่หนักเบาต่างกัน
และหากไม่มีการกันไว้เป็นพยาน จะปราศจากหลักฐานที่จะไปเอาผิดกับบุคคลที่กระทำทุจริตจริงๆได้ จึงต้องหาคนผิดสถานเบาที่สุดกันไว้เป็นพยาน เพื่อหาคนรับผิดชอบในคดี
แต่สำหรับคดีนี้เชื่อว่าไม่จำเป็นต้อง มีบุคคลที่ต้องกันไว้เป็นพยาน เพราะพยานหลักฐานในการลงชื่อเข้าร่วมประชุมก็มีความชัดเจนเพียงพอแล้ว
ซึ่งหากนายอุตตมไม่สามารถชี้แจง หรือนำพยานหลักฐาน มาคลายความสงสัยได้ ก็ต้องตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมา คตส.หรือ ป.ป.ช.มีการช่วยเหลือนายอุตตม เป็นการเฉพาะหรือไม่