(8 ก.ค.62) นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 170 และ 82 ให้อำนาจสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบมีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานสภาฯ ขอให้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเพราะขาดคุณสมบัติเนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ เมื่อได้รับคำร้องแล้วประธานสภาจะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ส่วนการจะมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นั้น มาตรา 82 วรรคสองของรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า หากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีมีกรณีตามที่ถูกร้อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
กรณีของพลเอกประยุทธ์ต่างจากกรณีของ ส.ส. ที่ถูกร้องว่าขาดคุณสมบัติเพราะเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ เนื่องจากกรณีดังกล่าวจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่า ส.ส. ที่ถูกร้องนั้นได้ถือหุ้นจริงหรือไม่อันถือได้ว่าข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ ศาลรัฐธรรมนูญจึงยังไม่มีคำสั่งให้ ส.ส. เหล่านั้นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
ส่วนกรณีของพลเอกประยุทธ์เป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีข้อเท็จจริงเพียงพอที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยได้แล้ว เทียบเคียงได้กับกรณีของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่ กกต. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจนยุติแล้ว ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงต้องมีคำสั่งให้พลเอกประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย เพราะกฎหมายใช้คำว่า “ให้” อันเป็นบทบังคับ รัฐธรรมนูญไม่ได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจ ถ้าไม่เชื่อก็ลองเปิดรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสองจะได้เลิกตะแบงเสียที
ล่าสุด มติชน รายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)สิ้นสุดลงเฉพาะตัว เหตุเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ ว่า ไม่ได้มีผลอะไร แล้วแต่ศาลจะว่าอย่างไร เรื่องนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความพยายามจะนำมาเปรียบเทียบกับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.)ที่ถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเช่นกัน นายวิษณุ กล่าวว่า จะเปรียบเทียบได้อย่างไร ในเมื่อศาลเป็นคนสั่ง และเรื่องนี้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เคยตรวจสอบมาก่อนแล้ว เห็นว่าไม่ขัดจึงรับรายชื่อเอาไว้ได้ ขอให้ไปดูตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ที่ระบุว่า ถ้ากรณีมีเหตุอันควรสงสัย ศาลจึงจะสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าไม่มีอะไรสงสัยก็รับเรื่องไว้แล้วดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันต่อไปหรือไม่ หากผลวินิจฉัยออกมาทางใดทางหนึ่ง รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่รู้จะไปถกเถียงอย่างไร เพราะในเมื่ออำนาจเขาให้กับศาลไว้ ศาลวินิจฉัยอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น อย่างกรณี 41 ส.ส. ศาลวินิจฉัยไว้ชัดเจนว่าที่ไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้เพราะอะไร และกรณีของนายธนาธร ที่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะอะไร มันไม่ใช่เรื่อง 2 มาตรฐาน แต่เพราะมันมีเกณฑ์ของเขา
เมื่อถามว่า นายกฯได้ปรึกษาทางออกในเรื่องนี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ยังไม่เคยพูดกัน ไม่มีอะไรเลย
“ไม่มีปัญหาหรอก ไม่มีความเดือดร้อน การทำอะไรที่อยู่ในเกณฑ์ในกติกานั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และดำเนินไปได้ แต่ที่ไม่ถูกต้องคือการไปดึงเกมลงสู่ท้องถนน ตรงนี้แหละสำคัญกว่า”
เมื่อถามว่า คิดว่าจะมีการดึงเกมลงสู่ท้องถนนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่เห็น