นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงผลการประชุม 7พรรค ฝ่ายค้านในวันนี้ ก่อนที่จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้
โดยนายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า ในการประชุมวันนี้เรื่องแรกคือเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาที่ให้สมาชิกแต่ละพรรค ส่งเรื่องปรึกษาหารือ ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึงความเดือดร้อนของประชาชน จะเดินได้กำหนดให้สมาชิกเดินทางไปยื่นด้วยตนเอง ก่อนการประชุมสภา แต่ก็ทำให้มีปัญหา เนื่องจากสมาชิกให้ความสนใจจำนวนมากแต่มีเวลาน้อย ขณะที่ต่อไปนี้ก็จะมีการแบ่งเวลา ให้กับทางฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเท่ากัน โดยให้แต่ละพรรคบริหารจัดการส่งรายชื่อเข้ามาพร้อมกัน วันละ 30 คน แบ่งเป็นฝ่ายค้าน 15 คนและฝ่ายรัฐบาล 15 คน รวม 2 วันก็จะได้ 60 คน
เรื่องต่อมาที่มีการหารือก็คือประเด็นกระทู้ซึ่งสัปดาห์นี้ ฝ่ายค้านจะยื่นกระทู้ ถามสด 2 ประเด็น จากพรรคอนาคตใหม่ 1 ประเด็น และพรรคเพื่อไทย 1 ประเด็น ส่วนกระทู้ถามทั่วไปก็ยังคงมี 3 ประเด็น ได้แก่มาตรการในการแก้ไขปัญหาข้าราชการครู/ เรื่องพานไหว้ครูล้อการเมือง/ และเรื่องการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ บ้านดองธงชัยที่สว่างดินแดง ส่วนประเด็นการตั้งกรรมาธิการวิสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรซึ่งพิจารณาเรียบร้อยแล้ว โดยเตรียมนำเข้าวาระการประชุม เพื่อพิจารณาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติเห็นว่า อยากจะทำให้ข้อบังคับมีความสมบูรณ์และเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วจึงเสนอให้ มีการตั้งกรรมาธิการเต็มสภา เพื่อดำเนินการประกาศในราชกิจจา บังคับใช้ต่อไป
จากนั้น 7พรรคฝ่าย มีมติจะให้เลื่อนญัตติด่วนประเด็น ขอให้สภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบ และ ศึกษาติดตามการทำงานของภาครัฐ ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและ การประทุษร้าย ของประชาชนจากประเด็นของ “จ่านิว” ที่ได้ตั้งญัตติส่งไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงข้อ 5 จุดตามญัตติด่วนที่ 1 คือการต่ออายุ สัมปทานให้กับบริษัททางด่วนกรุงเทพ
ส่วนเรื่องอื่นที่มีการนำมาแจ้งต่อที่ประชุมในวิปฝ่ายค้านได้แก่ มติของกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านภาคประชาชน โดยเสนอให้มีการจัดเวทีเสวนาระหว่างหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ที่หอประชุมธรรมศาสตร์ รวมถึงการลงพื้นที่ พบประชาชน ศึกษาปัญหาสารพิษตกค้างจากการเกษตร ในวันที่ 14 กรกฎาคม
ขณะที่ นายสุทิน ระบุว่า สิ่งที่ขอฝากให้ประชาชน และสื่อมวลชนติดตาม ก็คือญัตติด่วนเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา การต่อสัญญาสัมปทานกับบริษัททางด่วนกรุงเทพ ที่มีผลประโยชน์ ได้เสียกับประเทศ ซึ่งเดิมทีทราบว่ารัฐบาล จะรวบรัดขั้นตอนแล้วต่อสัญญานี้ แต่หากมีการชะลอและศึกษาจากข้อมูลก่อน ก็ถือว่าไป รัฐบาลรอบคอบรับฟังเสียงสภา
ส่วนประเด็น ที่ประธานสภาสงศาลรัฐธรรมนูญตีความคุณสมบัติ ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกรณีการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่วนตัวมองว่า อย่างไรก็ตาม พลเอกประยุทธ์ก็เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐเนื่องจาก การที่ คสช. เป็นผู้บริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในคสช.จึงถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ รวมถึงคำสั่งของ คสช.กว่า 200 ฉบับ ที่มีส่วนในการบริหารราชการแผ่นดินเช่นกัน