หน้าแรก news ส.ส.เพชรดาว แนะ รัฐตั้งกก.สอบ ปม ผู้ต้องสงสัยช็อค ระหว่างถูกคุมตัว

ส.ส.เพชรดาว แนะ รัฐตั้งกก.สอบ ปม ผู้ต้องสงสัยช็อค ระหว่างถูกคุมตัว

0
ส.ส.เพชรดาว แนะ รัฐตั้งกก.สอบ ปม ผู้ต้องสงสัยช็อค ระหว่างถูกคุมตัว
Sharing

เมื่อเวลา 14.00น. วันที่ 22 กรกฎาคม 2562 จากกรณีนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงช็อคหมดสติ ขณะถูกควบคุมตัวภายในหน่วยซักถาม หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เหตุเกิดวันที่ 21 กรกฎาคม เวลาประมาณ 03.00น. โดยมีอาการสาหัส ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์วิจารณ์ในวงกว้าง

ต่อมา พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย พร้อมคณะ เดินทางพบปะองค์กรพุทธ และผู้นำศาสนาอิสลาม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่โรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ อ.เมือง จ.สงขลา พร้อมให้ความเห็นว่า จากการเดินทางเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บและได้พูดคุยกับภรรยาและพี่สาว ได้รับการยืนยันว่าผู้บาดเจ็บแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว และเตรียมย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้นไม่มีใครทราบ เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้นรัฐจึงควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะหน่วยงานรัฐเท่านั้น แต่ต้องมีตัวแทนชาวบ้าน ทนายความที่ช่วยเหลือเรื่องคดี เพื่อให้เกิดความชัดเจน

เชื่อว่าการ เมืองจะสามารถเข้ามาแก้ปัญหาความไม่สงบและเป็นปากเป็นเสียงให้ชาวบ้านใน พื้นที่ได้ เนื่องจากที่ผ่านมา 8 ปี ไม่มี ส.ส.ในพื้นที่ และเมื่อมีการเลือกตั้ง มีส.ส.ขึ้นมา จะสามารถร่วมกันช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาได้มั่นใจ ทั้งนี้ได้คุยกับ ส.ส.ชายแดนใต้ทุกพรรคมีวาระสำคัญเดียวกัน ถ้าเป็นเป้าหมายของประชาชน คือ เป้าหมายเดียวกัน จะไม่เอานโยบายของแต่ละพรรคมาคุยกันแต่จะทำร่วมกัน ในโลกโซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ ควรเสพข่าวอย่างมีสติในการอ่าน การแชร์ ควรรอผลจากการคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มาจากหลายฝ่าย เมื่อผลออกมาแล้ว เราสามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดจริงจะยอมรับกันอย่างไรได้บ้าง และจะทำอย่างไรให้รู้สึกว่าคนกระทำผิดต้องได้รับการลงโทษตามกระบวนการ ยุติธรรม” พญ.เพชรดาว กล่าว

ล่าสุด พ.. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดเหตุ พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด ยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและหากพบเป็นความผิดพลาดจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ก็จะทำการลงโทษสถานหนักทั้งทางวินัยและอาญาทหารโดยไม่ละเว้น

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า การควบคุมตัวนายอับดุลเลาะ เป็นไปตามคำให้การซัดทอดของ นายอิบรอเฮง มะเซ็ง ผกร.ระดับแกนนำที่ถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 62 ว่านายอับดุลเลาะ เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง ในพื้นที่ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ทำหน้าที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนการก่อเหตุในพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังเข้าเชิญตัวจากบ้านพักในพื้นที่ ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ภายใต้การมีส่วนร่วมของผู้นำท้องที่ ผู้นำศาสนา และภรรยา ก่อนจะส่งตัวไปลงบันทึกประจำวัน ที่สถานีตำรวจภูธรสายบุรี และส่งเข้าหน่วยซักถามหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร โดยผลการตรวจร่างกายของแพทย์ โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร พบร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง หน่วยจึงได้นำตัวไปซักถามเบื้องต้น พบมีอาการเครียดจึงให้ไปพักยังห้องพักภายในหน่วยซักถามตั้งแต่เวลา 21.30 น. จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่า นอนหมดสติอยู่ภายในห้องควบคุม จึงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร เพื่อช่วยชีวิตในเบื้องต้นก่อนนำส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี ตามลำดับ

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตั้งแต่ขั้นตอนการเชิญตัว ขั้นการควบคุมตัวเพื่อซักถามในเบื้องต้นพบว่าเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนและยังไม่พบหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่า เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งสอดคล้องกับผลการตรวจร่างกายของแพทย์ที่ระบุ “ไม่พบร่องรอยบาดแผลฟกช้ำภายนอกร่างกายแต่อย่างใด” แต่พบว่าสมองมีอาการบวมซึ่งน่าจะเกิดจากการขาดออกซิเจนในขณะช็อค หมดสติ หรือเกิดจากการปั๊มหัวใจช่วยชีวิต นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ป่วยมีค่าน้ำตาลในเลือดและค่าเม็ดเลือดขาวสูงผิดปกติแต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เป็นสาเหตุของการช็อคหมดสติโดยต้องรอยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่อไป

อย่างไรก็ตาม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมให้มีการพิสูจน์ความจริงด้วยการให้คณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ประกอบด้วยผู้แทน จากองค์กรต่างๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมเข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างอิสระ ด้วยความโปร่งใสเป็นธรรม เพื่อหาข้อสรุปและแนวทางที่เหมาะสม ให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ยืนยันว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายและรับฟังทุกข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหา แต่ขอให้การแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นที่เกิดขึ้น ไม่เป็นไปในลักษณะชี้นำ ปลุกระดมหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสนจนกว่าความจริงจะปรากฏ เพราะจะเป็นการซ้ำเติมและขยายประเด็นความขัดแย้งให้รุนแรงยิ่งขึ้น


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่