เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม ที่หอประชุมทีโอที แจ้งวัฒนะ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้ ว่า ฝ่ายรัฐบาลมีความพร้อม ขณะที่นายกฯได้เน้นย้ำกับ ครม. ให้เตรียมตัวให้พร้อมในการชี้แจงทุกเรื่องต่อรัฐสภา ซึ่งฝ่ายรัฐบาลเชื่อว่าการอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภา ทุกอย่างจะเป็นไปตามข้อบังคับการประชุม และเราเชื่อในตัวประธานรัฐสภาว่าจะสามารถควยคุมการประชุมให้อยู่ในข้อบังคับ และอยู่ในเรื่องที่จะมีการแถลงในวันพรุ่งนี้
เมื่อถามว่า รู้สึกกังวลหรือไม่ที่อาจมีการนำคดีที่เกี่ยวข้อกับกลุ่ม กปปส. มาพูดในการอภิปรายครั้งนี้ด้วย นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวล เพราะหากเรื่องที่นำมาพูดกันในการอภิปรายเป็นเรื่องที่อยู่ในข้อบังคับ และหัวข้อที่จะอภิปราย ตนก็พร้อมจะตอบ ซึ่งทุกอย่างมีความชัดเจนมาตั้งนานแล้ว แต่ตนก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะอภิปรายในเรื่องใดบ้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เคยเป็นข่าวออกมาแล้วนั้น ตนพร้อมชี้แจง เพราะอาจมีหลายเรื่องที่คนยังไม่เข้าใจ แม้กระทั่งเรื่องคุณสมบัติที่ได้มีการตรวจสอบมาระดับหนึ่งแล้ว และยังมีรายละเอียดอีกหลายเรื่องที่ยังไม่เคยมีใครนำออกมาพูดถึง ซึ่งตนก็ได้เตรียมเอการในเรื่องเหล่านั้นไว้ ทั้งที่เป็นเอดสารสำคัญ และเอกสารเบื้องลึก ทั้งนี้ ตนอยากให้ ส.ส. หรือตัวแทนของพรรคที่จะลุกขึ้นอภิปรายไปศึกษาข้อมูลให้ละเอียดทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ และเรื่องต่างๆก็ขอให้เขารอบคอบ เพราะเมื่อเขาจะมาตรวจสอบคนอื่นก็ต้องระมัดระวังในการที่จะถูกคนอื่นถูกรวจสอบกลับด้วยเช่นกัน
เมื่อถามว่า การที่ระบุว่ามีข้อมูลเบื้องลึกไว้นั้น หมายความว่าได้มีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามไว้เพื่อเตรียมี่จะมาพูดในสภาด้วยใช่หรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ใช่ครับ หากมีการนำเหตุการณ์ หรือเรื่องที่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลแต่ถูกนำมาบิดเบือนข้อเท็จจริง ฝ่ายเราก็ต้องชี้แจงแน่นอน ซึ่งจะต้องพูดถึงสาเหตุว่าสิ่งที่พวกตนได้ทำไปในวันนั้นคืออะไร เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจถึงที่มาที่ไป
นายพุทธิพงษ์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีรัฐมนตรีที่เคยเป็นกลุ่ม กปปส. ไปตีกอล์ฟในเวลาราชการ ว่า ตนไม่ทราบว่าข่าวนี้มาจากไหน และอยากรู้ด้วยว่าใครเป็นคยออกมาให้ข่าวนี้ แต่ตนยืนยันว่าไม่ได้ไปตีกอล์ฟ ถ้าตนเข้าใจไม่ผิดคือ เมื่อวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการจัดแข่งขันกีฬากอล์ฟโดยนักศึกษาในหลักสูตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ของสถาบันพระปกเกล้าฯ ซึ่งตนเป็นประธานกอล์ฟของรุ่น จัดที่สโทมสรราชพฤกษ์ แต่ตนไม่ได้ไปร่วมงานนี้ด้วย เพราะทำงานอยู่ที่กระทรวงจนถึงค่ำ โดยมีพยานยืนยันได้ และมีบุคคลอีกลายสิบคนที่เกี่ยวข้องไปเป็นกลุ่มใหญ่จำนวนมากที่ยืนยันได้ว่าตนไม่ได้ไปตีกอล์ฟในเวลาราชการ พวกเรารู้ดีว่ามารยาทเป็นอย่างไร และควรปฏิบัติตัวอย่างไร จึงขอยืนยันว่าเรื่องที่มีข่าวว่าตนไปตีกอล์ฟด้วยนั้นไม่จริงแน่นอน และเรื่องนี้อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่กระทรวงดีอีต้องจัดตั้งศูนย์ป้องกันข่าวปลอมซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เพราะข่าวปลอมเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตาม หากใครมีหลักฐานยืนยันสามารถเปิดเผยได้ว่าใครเป็นผู้กล่าวหา หรือแถลงข่าว ตนก็ยินดีให้นำมาเปิดเผย เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีการไปตีกอล์ฟเมื่อไหร่ เวลาอะไร แต่ตนยืนยันว่าในงานวันนั้นไม่มีคตนอย่างแน่นอน
เมื่อถามถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมอวงค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยืนร้องกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อาจเข้าข่าวครอบงำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และตั้งข้อสังเกตว่าการที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นั้นไปในฐานะใด นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ผู้ที่ไปยื่นร้องเรียนมีสิทิที่จะดำเนินการได้ ขณะที่ผู้ถูกร้องก็ต้องมีหน้าที่ชี้แจงให้ข้อมูลข้อเท็จจริง ซึ่งตนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร สามารถชี้แจงได้ โดยพล.อ.ประวิตรก็ได้ระบุแล้วว่าเป็นการไปตรวจราชการด้วย และเมื่อทราบว่ามีส.ส.ไปประชุมอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ท่านก็เข้ามาพบปะในตอนเช้า เป็นการแวะมาเยี่ยม และพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ แล้วกลับ โดยไม่ได้ไปมอบนโยบาย หรือชี้นำให้แนวทางแก่ผู้บริหารของพรรค ซึ่งในวันนั้นก็มีผู้สื่อข่าวอยู่จำนวนมา และทำอย่างเปิดเผย ตนจึงเชื่อว่าข้อมูลข้อเท็จจริงตรงนี้ก็คงถูกนำมาชี้แจงต่อไป
ขณะที่นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส กทม พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า องครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีน่าจะเป็นคำกล่าวที่เป็นคำที่สร้างสีสันให้การแถลงนโยบายของรัฐบาลคึกคักมากยิ่งขึ้น ไม่ได้มีความหมายโดยนัยยะอะไร จริงๆแล้วเป็นการทำงานร่วมกันภายในพรรคมากกว่าในเชิงที่ช่วยกันชี้แจงถึงนโยบายของแต่ละกระทรวง ส่วนนึงก็ช่วยในเรื่องการบริหารการอภิปรายให้อยู่ภายใต้กรอบเวลาและข้อบังคับของรัฐสภา
ส่วนในเรื่องของการที่ทางฝ่ายค้านมีพูดถึงส.ส. ที่มาทำหน้าที่ตรงนี้ในทำนองว่า”ไก่อ่อน”นั้น ส่วนตัวไม่คิดหรือติดใจอะไร กลับมองว่าดีเสียอีกเพราะช่วยให้เรายิ่งรอบคอบมากยิ่งขึ้น การที่เราพึ่งเข้ามาทำงานในสภาเป็นสมัยแรกนั้นไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าอ่อนหรือแข็ง เพราะ เชื่อว่า ส.ส. ที่เป็นน้องใหม่ของทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ทุกท่านก็มีประสบการณ์นอกสภากันมาทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ไม่มี “ไก่อ่อน” ในพปชร.และสภาแน่นอน
ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงแนวความคิดของ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังชาติไทย เตรียมผลักดันบ่อนเสรี โดยเสนอให้มีการทำประชามติในเรื่องดังกล่าว ว่า ตนต้องย้อนถามพล.ต.ทรงกลด ว่าการทำประชามติจะใช้้เงินจากภาษีประชาชน หรือเป็นงบประมาณจากนายทุนที่สนับสนุนการทำบ่อนเสรี หรือจะเป็นงบประมาณส่วนตัว เพราะตนมองว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วน อีกทั้งประเทศยังไม่มีปัญหาถึงขนาดต้องนำอบายมุขมาหากิน
“ผมอยากย้อนถามแรงๆไปยังพล.ต.ทรงกลดว่า ท่านได้ไปถามลูกเมียที่หมดบ้านหมดช่องหรือหมดอนาคต สูญเสียทั้งชีวิตหรือโดนปล้นและฆ่าตายจากการเล่นการพนัน ท่านกลับไปถามหรือยัง ท่านถามแต่นายทุนว่าธุรกิจบ่อนเสรีจะได้เงินเท่าไหร่ และผมไม่เห็นด้วยหากจะทำประชามติโดยใช้ภาษีประชาชน จะคัดค้านหรือจะเอาชีวิตผมมาแลกกับการที่คุณจะหยุด ผมจะยอม” นายสิระกล่าว
เมื่อถามว่า การออกมาคัดค้านเรื่องนี้ จะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายสิระกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความเห็นของพรรคร่วมรัฐบาลหรือรัฐบาล แต่เป็นของตนเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นการรับข้อมูลด้านเดียวจากนายทุน ยืนยันว่าไม่ใช่ความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งถ้าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของรัฐบาล ก็จะต้องมีการบรรจุไว้ในร่างนโยบายของรัฐบาลแล้ว ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็เคยออกมาระบุชัดเจนว่าหากท่านยังเป็นนายกฯอยู่ จะไม่มีการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว ส่วนจะมีการพูดคุยนอกรอบเพื่อหารือเรื่องดังกล่าวหรือไม่นั้น ตนขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นความเห็นของพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามถึงกรณีถูกมองเป็นหนึ่งในองครักษ์พิทักษ์นายกฯ นายสิระกล่าวว่า ตนอยากเตือนสติให้ทุกคนอภิปรายภายในกรอบกฎหมาย เพราะขณะอภิปรายนั้นจะมีทีมกฎหมายที่อยู่ทั้งภายในและภายนอกที่ประชุมสภาฯ เพราะตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีข้อดีว่าหากผู้อภิปรายออกมาระบุข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือทำให้เสียหาย อาจจะมีโทษถึงขั้นปลดออกจากตำแหน่งเลยก็เป็นได้ ส่วนจะมีการเตรียมพร้อมอย่างไรในการอภิปรายนั้น ตนมองว่าหากมีการอภิปรายออกนอกกรอบ ส.ส.ก็มีสิทธิลุกขึ้นประท้วง รวมทั้งหากประธานรัฐสภาเปิดโอกาสให้อภิปรายนอกกรอบ ทางส.ส.เองก็จะลุกขึ้นทักท้วงประธานรัฐสภาเช่นกัน
เมื่อถามถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมจะอภิปรายถึงคุณสมบัตินายกฯ นายสิระกล่าวว่า ระบอบประชาธิปไตยจะต้องมาคุยกันในรัฐสภา ขอเพียงอย่างเดียวคือขอให้เป็นเรื่องจริง อย่าเป็นเรื่องที่ืทำให้บุคคลอื่นเสียหาย