นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ นางสุขสำรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงฯ นายพิศักดิ์ จิตวิระวศิน รองปลัดกระทรวงฯ (หัวหน้ากลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง) และนางสาวดุจดาว เจริญผล ผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ ตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต โดยมี นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง นายมนตรี เดชาสกุลสม ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 13 หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้การต้อนรับ ในวันที่ 10 สิงหาคม 2562 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานทางหลวงที่ 13 (กรุงเทพ)
โครงการพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต เป็นโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบนทางหลวงหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) เชื่อมโยงทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ระหว่าง กม.4+490 – กม.28+700 แบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2561 สิ้นสุดโครงการเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2562 โดยดำเนินงานจัดหา ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 18 ตัว งานดันท่อลอด 8 จุด งานลอกท่อดูดเลน 73,965 เมตร งานขยายท่อทางเชื่อม 8 แห่ง และงานปรับปรุงผิวจราจร 126,921 ตารางเมตร ระหว่าง กม.11+300 – กม.15+100 (ฝั่งขาออก) ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ (อยู่ระหว่างส่งมอบงาน) ส่วนระยะที่ 2 มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ กม.4+990 – กม.31+475 ระยะทาง 26.485 กิโลเมตร (ตั้งแต่แยกดินแดง – คลองรังสิตประยูรศักดิ์) แบ่งเป็น 3 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 ระหว่าง กม.5+500 – กม.10+700 ใช้เวลาก่อสร้าง 900 วัน ตอนที่ 2 ระหว่าง กม.10+700 – กม.28+ 030 ใช้เวลาฯ 900 วัน และตอนที่ 3 ระหว่าง กม.28+030 – กม.30+300 ใช้เวลาฯ 720 วัน ประกอบด้วยงานก่อสร้างสถานีสูบน้ำ ทางจักรยาน และงานดันท่อลอด
ขณะนี้ได้ผู้รับจ้างแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจพื้นที่ ซึ่งสำนักงานทางหลวงที่ 13 ได้วางแผนดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบระหว่างการก่อสร้าง เช่น ใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียง และการกันพื้นที่ก่อสร้างที่ชัดเจน เมื่อแล้วเสร็จจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมบนถนนวิภาวดีรังสิต เพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำบริเวณคูน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตที่ระบายน้ำลงสู่คลองบางเขน คลองลาดพร้าว และคลองบางซื่อ ผ่านอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และลดปัญาหาการจราจรติดขัดในพื้นที่กรุงเทพฯ บรรเทาความเดือดร้อนและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนชนผู้ใช้เส้นทางดังกล่าว เนื่องจากถนนวิภาวดีฯ มีการจราจร 200,000 คันต่อวัน อีกทั้งมีปริมาณการจราจรบนดอนเมืองโทลเวย์อีก 100,000 คันต่อวัน ส่งผลให้การจราจรหนาแน่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ได้สั่งการให้ กรมทางหลวง (ทล.) และสำนักงานทางหลวงฯ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยยึดต้นแบบการแก้ไขปัญหาจากถนนพระราม 2 เช่น การวางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรื้อย้ายสาธารณูปโภค การเปิดหน้างานเท่าที่จำเป็น และการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง หากมีปัญหาด้านการประสานงานให้รายงานให้ทราบ เพื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ จะได้ช่วยแก้ไขต่อไป นอกจากนี้ให้ ทล. สำรวจสภาพถนนทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเส้นทางเช่นเดียวกับถนนวิภาวดีฯ เพื่อพิจารณาดำเนินโครงการแก้ไขปัญหา รวมถึงการนำนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ โดยนำยางพารามามาใช้ผลิตสิ่งอำนวยความสะดวกทางถนนหรือโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงฯ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา พิจารณาวางแผนดูแลสภาพภูมิทัศน์ภายหลังเสร็จสิ้นโครงการฯ พิจารณาแนวทางป้องกับผู้ใช้รถจักรยานยนต์มาใช้ทางเท้า ทางจักรยาน และปรับระยะเวลาการดำเนินการให้น้อยลง เพื่อลดผลกระทบกับประชาชน อีกทั้งการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของ ทล. และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ เปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน พร้อมเน้นย้ำการดำเนินงานทุกเรื่องต้องโปร่งใสและเป็นธรรม
ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจโครงการฯ ระยะที่ 2 บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และระยะที่ 1 บริเวณอาคารสูบน้ำวิภาวดีฯ กม.8+635 พร้อมกล่าวว่า การดำเนินโครงการฯ ของ ทล. ในครั้งนี้ เพื่อระบายน้ำและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณถนนวิภาวีฯ หากปริมาณฝนตกไม่เกิน 100 มิลลิเมตร จะไม่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมเหมือนเช่นที่ผ่านมา แต่หากเกินกว่า 100 มิลลิเมตร จะสามารถระบายน้ำได้เร็วขึ้นไม่เกิน 2 ชั่วโมง