นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยแผนกระตุ้นการใช้จ่ายในภาคการท่องเที่ยวว่า ได้เตรียมของบประมาณจากรัฐบาลเพิ่มอีก 15,000 ล้านบาท เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้
เบื้องต้นวางไว้ 3 มาตรการหลักซึ่งขณะนี้สรุปชัดเจนแล้ว 1 มาตรการคือ มาตรการสินค้าท่องเที่ยวทุกอย่าง 100 บาท โดยจะสามารถซื้อได้ทั้งตั๋วเครื่องบิน โรงแรมและที่พัก รวมถึงสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวในราคา 100 บาท และทุกสถานที่ในราคา 100 บาท ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงวันที่มีเลขพิเศษ ได้แก่ วันที่ 9 เดือน 9 วันที่ 10 เดือน 10 วันที่ 11 เดือน 11 และวันที่ 12 เดือน 12
อย่างไรก็ตามจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้เพื่อกำหนดรายละเอียดการดำเนินการ และวางแผนการใช้เม็ดเงินดังกล่าว ให้สามารถเกิดการใช้จ่ายและกระจายเงินทั่วประเทศได้จริง ซึ่งเชื่อว่าภายในวันที่ 23 สิงหาคมนี้น่าจะเกิดความชัดเจนขึ้นเพราะต้องเหลือเวลาในการประกาศใช้มาตรการกระตุ้นดังกล่าวด้วย
ส่วนอีก 1 มาตรการที่วางไว้แล้ว จะเป็นมาตรการเกี่ยวกับการลดราคาสินค้าที่ลดอยู่แล้ว เป็นการลดเพิ่มขึ้นอีก อาทิ ส่วนลดปกติอยู่ที่ 50% มาตรการดังกล่าวจะมอบส่วนลดเพิ่มขึ้นอีก 15% ซึ่งจะทำให้ได้รับส่วนลดเพิ่มขึ้นและใช้จ่ายได้น้อยลง ซึ่งขณะนี้มาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถสรุปรายละเอียดได้ เพราะต้องรอให้พิจารณาเสร็จก่อน โดยเมื่อทุกอย่างชัดเจนแล้วจะมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ให้มากที่สุด เพื่อให้มาตรการทั้งหมดสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้อย่างแท้จริง เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เพราะเกิดการทำสงครามการค้าระหว่างสหรีฐฯและจีนขึ้น จึงมองว่าหากรัฐบาลสามารถใช้มาตรการกระตุ้นเหล่านี้ได้ ก็น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศช่วงที่เหลือจนถึงปลายปีได้
นายพิพัฒน์ ยังกล่าวถึงมาตรการแจก 1,500 บาท เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวว่า จะแจกให้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในการนำไปใช้จ่ายในภาคการท่องเที่ยว แต่อาจจะมีการพิจารณาในจำนวนเงินที่จะแจกให้ชัดว่า จะให้เป็นจำนวนเท่าไหร่แน่ แต่เบื้องต้นคงอยู่ในช่วง 1,000-1,500 บาทต่อคน และจะมีการพิจารณาว่าขั้นตอนในการคัดเลือกผู้ที่จะได้รับเงินในส่วนนี้จะเป็นอย่างไร รวมถึงการใช้เงินจำนวนนี้จะสามารถใช้ซื้อสินค้าหรือบริการใดในภาคการท่องเที่ยวได้บ้าง เนื่องจากต้องการให้เม็ดเงินทั้งหมดเกิดการหมุนเวียนทั่วทั้งในประเทศไทย และลงสู่ทุกพื้นที่ได้จริงๆ ซึ่งเบื่องต้นการใช้เงินดังกล่าว ได้กำหนดไว้ว่าต้องใช้นอกมีพื้นที่ภูมิลำเนาของผู้มีสิทธิใช้ เพราะต้องการให้เกิดการเดินทาง เพราะจะเกิดการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น