หน้าแรก news เรื่องจะได้ยุติ! “ชูศักดิ์” ชี้ ความเห็นผู้ตรวจฯสอดคล้องฝ่ายค้านฯปมถวายสัตย์ฯไม่ครบกระทบ ปชช. หวัง ศาล รธน.รับวินิจฉัย จะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย

เรื่องจะได้ยุติ! “ชูศักดิ์” ชี้ ความเห็นผู้ตรวจฯสอดคล้องฝ่ายค้านฯปมถวายสัตย์ฯไม่ครบกระทบ ปชช. หวัง ศาล รธน.รับวินิจฉัย จะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย

0
เรื่องจะได้ยุติ! “ชูศักดิ์” ชี้ ความเห็นผู้ตรวจฯสอดคล้องฝ่ายค้านฯปมถวายสัตย์ฯไม่ครบกระทบ ปชช. หวัง ศาล รธน.รับวินิจฉัย จะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
Sharing

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะทำงานด้านกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติให้ส่งเรื่องพร้อมความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยกรณีนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนถูกต้อง ว่า เมื่อพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการถวายสัตย์ปฏิญาณของคณะรัฐมนตรีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณา มีอยู่ 2 เรื่อง คือ 1. กรณีคำร้องของนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณ เป็น การกระทำมิใช่เป็น บทบัญญัติแห่งกฎหมายจึงไม่มีประเด็นให้พิจารณาว่า ข้อความหรือถ้อยคำถวายสัตย์มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ที่จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ และยังเห็นว่า การถวายสัตย์เป็นการกระทำตามกระบวนการขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มิใช่การกระทำทาง ปกครองที่จะส่งให้ศาลปกครองได้พิจารณาวินิจฉัย จึงมีมติไม่เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในส่วนนี้ตน เห็นด้วยกับความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดิน จุดนี้เองที่ทำให้เห็นปัญหาว่ากฎหมายยังมีช่องว่างเกี่ยวกับอำนาจของศาลในการที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับ การกระทำตามรัฐธรรมนูญ

และ 2. กรณีคำร้องของนายชูพงศ์ ชูรักษ์ ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 161 เป็นบทบัญญัติให้ต้องกระทำตามกระบวนการขั้นตอนก่อนที่คณะรัฐมนตรีเข้ารับหน้าที่ ถือเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากจะทำตามกระบวนการแล้วต้องถวายสัตย์ด้วยถ้อยคำที่บัญญัติไว้ให้ครบถ้วน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า การถวายสัตย์มีถ้อยคำขาดหายไป จึงเป็นการกล่าวถ้อยคำถวายสัตย์ที่ไม่ ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เป็นการกระทำที่ขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงเป็นอันใช้บังคับมิได้ ตามมาตรา 5 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 อันส่งผลให้การปฏิบัติ หน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ รวมถึงปัญหาการ คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ร้องเรียน เป็นเหตุให้ผู้ร้องเรียนได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหาย โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จึงเป็นไปตามหลักเกณฑ์ มาตรา 46 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 ถือเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิ หรือเสรีภาพของผู้ร้องเรียน ตามมาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญ จึงมีมติส่งเรื่องพร้อมความเห็นนั้นไปให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มติในเรื่องนี้ ตนเห็นด้วย และ ส.ส. ฝ่ายค้านที่ได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติก็มีความเห็นเช่นนี้ การที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอเรื่องพร้อมความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยนั้นจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายเพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นประการใดก็จะถือเป็นข้อยุติ ถือเป็นบรรทัดฐานต่อไป

นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า แต่สิ่งที่เป็นห่วงก็คือ ศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องของผู้ตรวจการแผ่นดินไว้พิจารณาหรือไม่เท่านั้น เพราะกรณีการอ้างมาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญ เคยมีผู้ยื่นคำร้องไปเป็นจำนวนมาก โดยยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่ปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณา แต่ข้อเท็จจริงในกรณีนี้เป็นการยื่นคำร้องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินและมีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาก็จะเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญต่อไปสำหรับคณะรัฐมนตรีและทุกฝ่าย


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่