เมื่อวันที่ 9 ก.ย.62 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยใน จ.ยโสธร และ จ.อุบลราชธานี
โดยจุดแรก พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ นั่งรถตรวจสภาพปัญหาในพื้นที่ประสบอุทกภัยริมแม่น้ำชีและแม่น้ำยัง และเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยที่วัดกลางศรีไตรภูมิ ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อ.เมือง จ.ยโสธร
นายกฯกล่าวกับประชาชนที่ประสบอุทกภัย ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงประชาชน จึงได้ย้ำมากับรัฐบาลให้ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งปีนี้น้ำฝนที่ตกลงมามีปริมาณมากกว่าปกติ ทำให้ลำน้ำสาขาที่มีขนาดเล็ก ทั้งลำเซบาย ลำน้ำยัง ลำน้ำชี และลำน้ำมูล ไม่สามารถรองรับมวลน้ำที่มีจำนวนมากไว้ได้ และจากสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป จึงต้องการให้ทุกคนปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต ทำเกษตรผสมผสาน ให้มีน้ำเพียงพอ มีดินที่มีคุณภาพ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่รัฐบาล ยืนยัน ที่จะช่วยเหลือ และหามาตรการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยตามกฎหมาย
ทั้งนี้ นายกฯ ยังอนุมัติในหลักการ 6 โครงการ ที่ทางจังหวัดเสนอ ได้แก่
โครงการ ที่คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติงบประมาณไปแล้ว แต่อยู่ระหว่างรองบประมาณ 3 โครงการ ได้แก่
โครงการศึกษาออกแบบและก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมืองยโสธร งบประมาณ 206.4 ล้านบาท
โครงการศึกษาออกแบบและก่อสร้างการพผันน้ำจากแม่น้ำชี บ้านกุดกง ตำบลเขื่องคำ อำเภอเมืองยโสธร ลงสู่ลำเซบาย บ้านหนองเสียว ตำบลกู่จาน อำเภอคำเขื่อนแก้ว พร้อมก่อสร้างอาคารบังคับน้ำและระบบกระจายน้ำงบประมาณ 400 ล้านบาท
โครการศึกษาออกแบบและก่อสร้างแก้มลิงลำน้ำยัง พร้อมก่อสร้างคันพนังกั้นน้ำลำน้ำยัง จากบ้านใหม่ชุมพร-บ้านแจ้น้อย เพื่อระบายน้ำจากลำน้ำยังก่อนลงสู่แม่น้ำชี งบประมาณ 200 ล้านบาท
โครงการเพิ่มเติมอีก 3 โครงการ ได้แก่
โครงการศึกษาออกแบบ และก่อสร้างฝ่ายกั้นแม่น้ำชี แห่งที่ 2 จังหวัดยโสธร งบประมาณ 400 ล้านบาท
โครงการศึกษาออกแบบ และก่อสร้างคันพนังกั้นน้ำลำเซบาย บ้านเชียงเพ็ง- บ้านโนนตูม จังหวัดยโสธร งบประมาณ 20 ล้านบาท
โครงการศึกษาออกแบบและก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองไข่นุ่น เพื่อระบายน้ำจากลำน้ำยัง ก่อนลงสู่แม่น้ำชี งบประมาณ 15 ล้านบาท โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูรายละเอียด เพราะใกล้จะถึงช่วงพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 แล้ว
จากนั้น นายกฯ ได้มอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัยใน จ.ยโสธร และเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง ที่เข้ามาพักในบริเวณศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย วัดกลางศรีไตรภูมิ และได้เดินทางต่อไปยัง จ.อุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขอุทกภัยของเทศบาล ต.บ้านกอก อ.เขื่องใน และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงค่ำวันเดียวกัน