นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า รู้สึกตกใจกับข่าวที่สำนักข่าว The Sydney morning Herald ของออสเตรเลียนำมาออกข่าว โดยยืนยันว่าได้นำมาจากข้อมูลของคดีในศาลของออสเตรเลีย ตามคำท้าของ นายธรรมนัสเองที่เคยแถลงข่าวว่าให้ไปตรวจสอบกับข้อมูลของศาลที่ออสเตรเลียได้ ทั้งนี้การที่สื่อดังกล่าวต้องใช้เวลานานในการตรวจสอบเพราะนายธรรมนัสได้เปลี่ยนชื่อ จึงทำให้ใช้เวลาค้นหานานกว่าจะหาเจอ จนมาพบข่าวเดิมที่ The Sydney Morning Herald เคยตีพิมพ์ไว้เองในในวันที่ 16 เมษายน ปี ค.ศ. 1993 จึงได้ชื่อเดิมของนายธรรมนัสมาทำการค้นหาข้อมูลของคดีจนเจอ
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ The Sydney Morning Herald ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1831 หรือ 188 ปีมาแล้ว ดังนั้น คงไม่น่าลงข่าวมั่วๆ หรือ จะไปลงข่าวให้กับกลุ่มใด เหมือนที่ถูกกล่าวหา และที่สำคัญต้องดูว่าข่าวที่เสนอตรงกับข้อมูลที่แท้จริงของคดีในศาลออสเตีเลียใช่หรือไม่
โดยข้อมูลที่ตีพิมพ์ในข่าวแตกต่างกับข้อมูลที่นายธรรมนัสแถลงข่าวอย่างสิ้นเชิง และถ้าเป็นจริงตามข่าว คุณสมบัติของนายธรรมนัสน่าจะขัดกับคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากนายธรรมนัสยืนยันว่าไม่จริงและจะฟ้อง นสพ. ออสเตรเลียตามที่เป็นข่าว ก็ควรจะเร่งฟ้อง เพื่อให้ความจริงปรากฏ มิเช่นนั้นหากปล่อยไว้ให้คนเข้าใจตามข่าว คนไทยคงรับกันไม่ไหวแน่ และถ้าบอกว่าข้อมูลของศาลออสเตรเลียที่สื่อออสเตรเลียลงข่าวไม่ถูกต้อง ก็ต้องแสดงเอกสารข้อมูลที่ถูกต้องของศาลออสเตรเลียไม่ใช่แค่พูดลอยๆ
นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวยังได้กระจายไปทั่วโลกแล้ว โดยมีสื่อใหญ่ระดับโลกเช่น South China Morning Post, The Associated Press, ABC News etc. ก็ได้นำลงไปตีพิมพ์ด้วย ซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นของประเทศไทยลดลงไปอีก หลังจากที่สื่อหลักต่างประเทศหลายสำนักได้เสนอข่าวทางลบเกี่ยวกับรัฐบาลไทยไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้วยิ่งจะแย่ลงไปอีก ประชาชนจะยิ่งลำบากและอาจจะทนกันไม่ไหว เพราะทุกวันนี้ก็มีข่าวการฆ่าตัวตายรายวันเพราะพิษเศรษฐกิจอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำผลของทุกโพลสำรวจที่ออกมาว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นในความสามารถของทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ ขนาดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ยังรีบปฏิเสธว่าไม่ได้เป็น หัวหน้าทีมเศรษฐกิจแล้ว มีเพียงนายอุตตม สาวนายน รมว. คลัง ที่ยังยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้แย่อย่างโพล แต่คงไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อมั่นในตัวนายอุตตมเลย ปัญหาการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยยังคงตามหลอกหลอนนายอุตตม โดยเฉพาะหลังจากศาลได้ยกฟ้องคดีที่อ้างถึงบิ๊กบอสแล้ว อีกทั้งรัฐบาลยังจะต้องมาเจอกับข่าวคดีเดิมของนายธรรมนัสอีก
ดังนั้น พลเอกประยุทธ์ จะต้องรีบตัดสินใจเร่งแก้ไข อย่าปล่อยให้ภาพพจน์ของประเทศตกต่ำไปกว่านี้ เพราะที่ผ่านมาก็ตกต่ำอย่างมากจนแทบไม่เหลือแล้ว อีกทั้งหากปล่อยปัญหานานไป ประชาชนจะเริ่มสงสัยว่าจะเป็นความผิดของพลเอกประยุทธ์หรือไม่ ที่เสนอบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี หลังจากที่ปัญหาการถวายสัตย์ก็ยังค้างคาอยู่ โดยเชื่อว่าในวันที่ 18 กันยายน นี้ พลเอกประยุทธ์คงต้องชี้แจงเรื่องนายธรรมนัส พร้อมไปกับเรื่องปัญหาการถวายสัตย์ด้วย โดยหวังว่าพลเอกประยุทธ์จะสามารถควบคุมอารมณ์และตอบข้อสงสัยทั้งหมดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประเทศได้