26 กันยายน 2562 กระทรวงสาธารณสุข ที่การประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทย ให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ(Medical Hub) ครั้งที่ 2/2562 ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน
มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมประชุมด้วย
นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นการประชุมตามวาระ เพื่อส่งเสริมให้ต่างชาติ และคนไทยเอง มาใช้บริการด้านสุขภาพในประเทศ วันนี้ คณะกรรมทำเรื่องขออนุมัติ จากคณะรัฐมนตรี ให้มีข้อผ่อนปรนเรื่องวีซ่าของผู้ป่วยโรคตาที่เข้ามารักษาในไทย
โดยจะเริ่มจากการขยายวีซ่าให้ผู้ป่วยกลุ่มประเทศโลกที่ 1 ก่อน จากเดิมที่เข้ามาได้แค่ 1 เดือน หรือ 14 วัน หากครบกำหนดก็ต้องบินไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้วเข้ามาใหม่ ในอนาคต ต้องให้ผู้ป่วยอยู่เมืองไทยได้นาน เป็นการอำนวยความสะดวก ที่สำคัญจะมีการใช้จ่ายในประเทศไทยมากขึ้น ย่อมจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจ แต่ประเด็นดังกล่าวต้องผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ก่อน เพราะเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง
“ในส่วนของความมั่นคง ไม่อยากให้กังวล เพราะต้องคัดเลือกผู้ป่วยจากประเทศโลกที่ 1 และการขอขยายวีซ่า ต้องได้รับความเห็นชอบจากโรงพยาบาล และหน่วยงานด้านความมั่นคงร่วมพิจารณาด้วย”
เมื่อถามถึงกรณีที่นักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งมาประสบอุบัติเหตุ และรักษาตัวในไทย จนกลับประเทศ โดยที่สถานพยาบาลไม่ได้เก็บค่ารักษา กลายเป็นภาระงบประมาณของภาครัฐ นายอนุทิน กล่าวว่า นักท่องเที่ยว ที่มาประเทศไทยโดยที่ไม่ได้ทำประกันเลย มีเป็นส่วนน้อย ส่วนค่าใช้จ่ายของรัฐ เป็นเรื่องของมนุษยธรรม ที่แน่ๆ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ต้องประทับใจประเทศไทย
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงนโยบายด้านเมดิคัลฮับกรณี ที่หาก Unesco ให้การนวดไทย เป็นมรดกโลกว่า มีการเสนอให้สงวนอาชีพนวดไทย ไว้ให้เพียงคนไทยเท่านั้น ซึ่งที่ประชุมขอหารือผลได้ผลเสียก่อน