เวลา 09.30 น.ที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านหลุมข้าว ต.หลุมข้าว อ.โนนสูง และที่ศาลาวัด วัดบ้านตะบอง ต.โบสถ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่กระทรวงการคลัง นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.เขต 4 จ.นครราชสีมา และ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย ตัวแทนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส.และตัวแทนชุมชน เปิดเวทีประชาธิไตยไทยอิ่ม ไม่ต้องแก้ก็กินได้” เวทีแรก เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับชาวบ้าน รับฟังเรื่องราวและประสบการณ์ดีๆ
รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากปากประชาชนในพื้นที่ของโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการต่างๆที่จะช่วยยกระดับชุมชนตามแนวทาง “ประชารัฐสร้างไทย” เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาเป็นแนวทางปรับปรุง แก้ไข และทำให้ดีขึ้น เพื่อให้ประชาชนทุกชุมชน ทุกพื้นที่ กินดีอยู่ดี ทั้งนี้ ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนที่ประสบความสำเร็จได้บอกเล่าประสบการณ์ สำหรับเป็นตัวอย่างในการพัฒนาชุมชน ด้วยคนในชุมชน เพื่อคนในชุมชน เช่นการเลี้ยงโคและการตั้งสถาบันการเงินชุมชน เป็นต้น
ขณะที่ ธกส.แจ้งกับประชาชนว่า มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ธกส.พักหนี้ให้เป็นเวลา 2 ปี และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้วงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท 0.1% ไม่เกิน 1 ปี
ด้านนายชาญกฤช กล่าวว่า ล่าสุด คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ มาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงินกว่า 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย มาตรการยืดเวลาช่วยจ่ายค่าน้ำ 100 บาท ต่อครัวเรือน ออกไปอีก 11 เดือน ยืดเวลาช่วยจ่ายค่าไฟฟ้า 230 บาทต่อครัวเรือน อีก 11 เดือน และภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เหลือ 2% จากปกติต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ไปจนถึงเดือนตุลาคม 2563
นอกจากนี้ ในส่วนของกระทรวงพลังงาน อนุมัติช่วยค่าก๊าซหุงต้ม เดือนละ 100 บาทต่อครัวเรือน เป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนธันวาคม 2562 จำนวน 100,000 ครัวเรือน
นายชาญกฤช กล่าวด้วยว่า นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ธนาคารภายใต้สังกัดกระทรวง เช่น ธกส.ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ปรับเปลี่ยนแนวคิดการทำงาน จากเดิม ที่คิดว่าธนาคารคือผู้ปล่อยเงินกู้ ให้เป็น การดำเนินงานในลักษณะเข้าใจประเภทธุรกิจของลูกค้า และสามารถเข้าไปเป็นที่ปรึกษาของลูกค้า ให้คำแนะนำ ดูแล หาช่องทางทางการตลาด เป็นต้น ธนาคารในยุคนายอุตตม ต้องไม่ปล่อยให้ชาวบ้านอยู่เพียงลำพัง แต่ต้องช่วย ให้คำปรึกษาสร้างมูลค่าของผลผลิตให้สูงที่สุด สร้างโอกาสในการเข้าถึงช่องทางทางการเงินที่ดอกเบี้ยสมเหตุสมผลช่องทางทางเทคโนโลยี รวมไปถึงช่องทางการกระจายสินค้า ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชน ไม่ต้องกลัวในการเข้าไปพูดคุยหรือปรึกษาธนาคาร
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลัง จะเป็นเจ้าภาพในการสร้างโมเดลการทำงานแบบบูรณาการ กระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเราทราบดีว่า หากขาดพี่น้องประชาชนฐานราก ประเทศก็จะเดินต่อไม่ได้ ดังนั้น จึงตั้งใจทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยสวัสดิการต่างๆ และต้องได้รับอย่างเท่าเทียม เพราะมั่นใจว่า ถ้าประชาชนอยู่ดีกินดีแล้ว จะช่วยกันเป็นแรงขับเคลื่อนให้ประเทศเดินหน้าต่อไป
ด้าน น.ส.วทันยา กล่าวว่า ทุกนโยบายมาจากความตั้งใจของพรรคพลังประชารัฐและรัฐบาล วันนี้รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีตัวแทน ส.ส.คอยรับฟังปัญหาของประชาชนอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งท่านเป็นห่วง และรักคนไทยทุกคน พยายามทำทุกอย่างให้ประชาชนเข้มแข็งจากภายใน แต่วันนี้มีพรรคการเมืองบางพรรคพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ และฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทิ้ง จึงอยากถามพี่น้องประชาชนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญกับการสร้างอาชีพสิ่งไหนสำคัญกว่ากันและเกี่ยวข้องกันหรือไม่เพราะหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญงบประมาณของรัฐบาลที่จะขอรับการอนุมัติจากรัฐสภาต้องหยุดชะงักเพื่อเริ่มต้นใหม่ ดังนั้น เราอยากเดินหน้าหรืออยากหยุด วันนี้ประเทศไทยมี ส.ส.มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและตั้งใจทำงานรับฟังปัญหาจากชาวบ้าน จึงขอให้ช่วยกันคิด เพราะเพราะรัฐบาลไม่อยากกลับไปเริ่มต้นใหม่ แต่อยากแก้ปัญหาเพื่อเดินหน้าประเทศ ประชาธิปไตยสำหรับเราคือประชาธิปไตยที่กินอิ่ม กินได้ โดยไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ
นางหนูพิน มุ่งลา ชาวบ้านวัดบ้่านตะบอง หนึ่งในผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เปิดเผยว่า อยากให้รัฐบาลดำเนินนโยบายนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ เนื่องจากตนเองไม่มีงานทำ สามีรับจ้างได้วันละ 300 บาท พอมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็นำไปซื้อข้าวสาร กะปิ น้ำปลา และสิ่งของต่างๆที่จำเป็นได้ กินและใช้ได้ทั้งเดือน ทั้งนี้อยากให้เพิ่มมาตรการช่วยเหลืออื่นๆเพิ่มเติม เข่นค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น
เช่นเดียวกับนายประเสริฐ รวยดี ชาวบ้านวัดบ้านตะบอง พิการแขวนขวาขาด ได้รับทั้งเบี้ยคนพิการและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บอกว่า ดีใจที่รัฐบาลมีนโยบายที่สามารถช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เงินเหล่านี้ ส่วนตัวใช้เป็นค่าใช้จ่ายประทังชีวิตในแต่ละวันของตนเองและแม่ ช่วยให้ไม่ต้องลำบาก โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องใช้ประจำวัน อย่าง สบู่ ยาสระผม ผงซักฟอก รวมไปถึงข้าวสาร เป็นต้น จึงขอให้ดำเนินนโยบายดีๆแบบนี้ต่อไป