ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ว่า มติที่ประชุมวันนี้ เห็นชอบกับผลการเจรจาภายใต้กรอบเอกสารเชิญชวนเอกชนลงทุน (RFP) และออกหนังสือนัดบริษัทผู้ว่าจ้างมาลงนาม ซึ่งจะมีเงื่อนไขว่า การส่งมอบพื้นที่จะเป็นอย่างไร ปีแรกทันทีที่ลงนาม 70 เปอร์เซ็นต์ทำได้เลย
หลังจากนั้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการโยกย้ายสาธารณูปโภค ซึ่งมีเวลาให้ 18 เดือน ต้องแจ้งมาว่าจะทำเสร็จหรือไม่เสร็จอย่างไร แต่ถ้าไม่เสร็จ เราก็เปิดโอกาสให้ขยายเวลา โดยไม่มีการให้ชดใช้เงิน แต่พยายามจะทำให้จบ และเรื่องนี้ต้องทำทันที โดยบอร์ดเล็กของเรื่องนี้จะทำหน้าที่กำกับดูแล ซึ่งความจริงเขาก็คุยกันมาแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ทำอะไรให้เป็นทางการ
ทั้งนี้ หลังจากที่กลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (CPH) เขาประมูลได้ เขาก็ต้องรับความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเอง ซึ่งเป็นไปตามที่ RFP กำหนด
เมื่อถามว่า ตกลงเรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้วหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ไม่มีอะไรแล้ว ต้องรอดูวันที่ 15 ต.ค. ที่ CPH จะมาลงนามเซ็นสัญญา เมื่อถามว่าจะไม่มีอะไรที่จะมาทำให้การลงนามล่าช้าออกไปอีกใช่หรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า เราได้เจรจาตามกรอบ RFP ครบถ้วนแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ว่าจ้างต้องออกหนังสือลงวันที่ในวันที่มาลงนามสัญญา ซึ่งเป็นหลักปกติในการดำเนินการกับรัฐ
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมนายกรัฐมนตรีกังวลอะไรในเรื่องนี้เป็นพิเศษหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า นายกฯ เพียงแต่บอกว่า ให้ไปดูให้ดีว่าแผนที่จะให้มีการส่งมอบพื้นที่ขอให้ดำเนินการที่จะไม่ให้เป็นภาระของเอกชน แต่ขณะเดียวกันถ้ามีข้อจำกัดจริงๆ เราก็ขยายเวลา ไม่ปรับ
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ดูแล้วรัฐบาลพยายามอำนวยความสะดวกให้เอกชนเต็มที่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ความจริง รัฐบาลอยากให้เรื่องนี้สำเร็จ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนี้ แต่ทุกเรื่องที่อยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วย เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ จะทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความมั่นใจได้
“เรื่องนี้ต้องเกิดให้ได้ ถ้าบริษัทที่หนึ่งไม่ได้ ก็ยังมีบริษัทที่สองอยู่ แต่เรายังคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะไปถึงบริษัทที่สอง น่าจะจบได้ที่บริษัทที่หนึ่ง เพราะทุกอย่างเจรจากันครบถ้วนหมดแล้ว เราหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น เพราะโครงการนี้เป็นโครงการที่มีความสำคัญของประเทศไทย และหากโครงการนี้สำเร็จก็ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของนายกฯ ไม่ใช่ของผม หากเปรียบเทียบดูในสมัยรัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จะมีโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด แต่สมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม จะมีโครงการอีอีซีนี่แหละ เพราะฉะนั้นถือเป็นผลงานของนายกฯ”