กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถือกำเนิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2545 ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พร้อมๆ กับกระทรวงน้องใหม่ในขณะนั้นอีก 5 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน และกระทรวงวัฒนธรรม โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 119 ตอนที่ 99 ก. เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2545 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2545 เป็นต้นมา นับถึงวันนี้ (3 ตุลาคม 2562) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ มีผู้บริหารระดับรัฐมนตรีมาแล้วจำนวน 9 คน โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการฯ คนปัจจุบัน
ในโอกาสครบรอบ 17 ปี การสถาปนากระทรวงฯ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) พร้อมด้วย นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดกระทรวงฯ ร่วมต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มาเข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างคึกคัก ณ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถนนราชดำเนินนอก
รมว.กก. กล่าวในโอกาสวันครบรอบการสถาปนาว่า “นับตั้งแต่ที่ผมก้าวเข้ามารับตำแหน่ง ณ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งนี้ นโยบายหลักๆ ที่ต้องการจะเน้นย้ำ คือ ด้านความปลอดภัย (Safety) ความสะอาด (Clean) ความเป็นธรรม (Fair) และกระจายรายได้สู่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ (Sustainability) โดยมุ่งหวังผลักดันการดำเนินการและขับเคลื่อนโครงสร้างธุรกิจบริการการท่องเที่ยวและกีฬา ผ่านหน่วยงานในสังกัดที่รับผิดชอบภารกิจแต่ละกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำอย่างครบถ้วนทุกมิติทั้งด้านการท่องเที่ยวและด้านการกีฬา นอกจากนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างครบวงจรทั้ง Demand Side (กลุ่มนักท่องเที่ยว) และ Supply Side (กลุ่มผู้ประกอบการ) จึงมีแนวคิดที่จะปรับโครงสร้างของกระทรวงฯ เพื่อยกระดับการทำงานให้ตอบสนองอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกีฬาทั้งระบบ”
“ทุกวันนี้ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักในการสร้างรายได้ให้ประเทศไทย ดังจะเห็นได้จากเดือนมกราคม – สิงหาคม 2562 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยี่ยมเยือนบ้านเราแล้วมากกว่า 26.56 ล้านคน เป็นไทยเที่ยวไทย 103.05 ล้านคน-ครั้ง สามารถสร้างรายได้รวม 1.99 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 2.82%) แม้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวและเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน แต่ประเทศไทยก็ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก วันนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่การเป็น “กระทรวงเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ” ด้วยจุดแข็งของประเทศไทย และด้วยการบริหารจัดการที่ดี พวกเราเชื่อมั่นว่าทุกก้าวย่างจากวันนี้ไป จะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย ด้วยพลังความมุ่งมั่นทุ่มเท เพื่อสืบสานภารกิจทั้งด้านท่องเที่ยวและด้านกีฬา ให้เกิดเป็น “ความสุข” และ “รอยยิ้ม” ของผู้คน เพื่อความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน..กระจายรายได้สู่ชุมชน ส่งเสริมกีฬา…สู่การเป็นหนึ่งในการแข่งขันระดับโลก” รมว.พิพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย