ข่าวสดรายงานว่า ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคพท. นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และนายสมพงษ์ สระกวี ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทย ร่วมแถลงภายหลังประชุมร่วมกรณี กอ.รมน.แจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำพรรคที่ขึ้นเสวนาบนเวทีรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญที่ จ.ปัตตานี
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษโดย กอ.รมน. ซึ่งนายกฯ เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ดังนั้นเท่ากับว่านายกฯ เป็นผู้สั่งการให้มีการดำเนินคดี ซึ่งการแสดงความเห็นตามสิทธิเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และยังเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้วย ที่เรารณรงค์แก้รัฐธรรมนูญก็เพื่อต้องการหลอมรวมสติปัญญาของประชาชน เพราะความมั่นคงของประชาชน คือความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ของ พล.อ.ประยุทธ์
การที่ กอ.รมน.มาฟ้องร้องเช่นนี้ ตัวผู้แจ้งความ และนายกฯ กำลังจะบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฎหมาย ในฐานะผู้ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคและนักวิชาการ เราจำเป็นต้องฟังความเห็นจากประชาชนทุกคน เป็นการกระทำที่ต้องการข่มขู่ทางวิชาการ ข่มขู่ประชาชน ไม่ให้แสดงความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งแบนี้เป็นอันตรายต่อประเทศ
ดังนั้น 1.ผู้ถูกกล่าวหาจะต่อสู้ทางกฎหมายหากมีการเรียกไปสอบสวนและ 2.เรามองว่าการแจ้งความเป็นการแจ้งความเท็จในหลายประเด็น เพื่อข่มขู่ ไม่ให้บ้านเมืองเกิดการพัฒนา และข่มขู่ไม่ให้มีการแสดงความเห็น ซึ่งเราจะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกลับผู้แจ้งความเท็จทั้งคนแจ้งความ และจะดูต่อไปว่าจะโยงไปถึงตัวนายกฯ ในฐานะผู้มีอำนาจสั่งการด้วยหรือไม่
นายสงคราม กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เรายืนยันว่าเราแสดงความเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ผู้มีอำนาจก็พยายามดึงเราให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหมวด 1 และ หมวด 2 ซึ่งเรายืนยันมาตลอดว่าเราจะไม่แตะต้อง
นอกจากนี้การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องผ่าน ส.ส.ร. ซึ่งไม่มีใครสามารถไปชี้จุดว่าจะให้แก้แบบไหน อย่างไรได้ และเราไม่เคยบอกเลยว่าจะต้องแก้จุดไหน เราให้เป็นสิทธิของประชาชนว่าต้องการที่จะแก้แบบไหน สำหรับใครบางคนที่ยังไม่เข้าใจ พยายามดึงเราเข้าไปในวังวนของความขัดแย้ง ก็ช่วยพิจารณาด้วย
นายนิคม กล่าวว่า อย่าคิดว่าขณะนี้ยังอยู่ในยุค คสช. การแจ้งความประชาชนที่เห็นต่างกับรัฐบาล เราอยากให้หยุด เพราะตอนนี้เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยแล้ว แม้จะไม่เต็มใบก็ตาม ทั้งนี้ ส.ส. จาก 7 พรรคฝ่ายค้าน เรามาจากการเลือกตั้งของประชาชน การแจ้งความกับพวกเรา เท่ากับแจ้งความกับประชาชน อยากให้ท่านไปแจ้งความอย่างอื่นมากกว่า
แน่จริงก็ไปแจ้งความ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบด้วย อย่างไรก็ตาม เราจะเดินหน้าทำงานต่อไป เพราะเราถือว่าเราไม่ได้ทำผิดอะไรเลย โดยในวันที่ 6 ต.ค.นี้ เราจะเดินทางไปแจ้งความกลับ โดยกำลังพิจารณาว่าจะไปที่กองบังคับการกองปราบปราม หรือที่ สภ.ปัตตานี