หน้าแรก news  “อนุทิน” ย้ำ ทุกฝ่ายต้องเคารพ RFP อย่ายกเรื่อง “เวลา” มาเป็นเงื่อนไขล้มโครงการรถไฟ 3 สนามบิน

 “อนุทิน” ย้ำ ทุกฝ่ายต้องเคารพ RFP อย่ายกเรื่อง “เวลา” มาเป็นเงื่อนไขล้มโครงการรถไฟ 3 สนามบิน

0
 “อนุทิน” ย้ำ ทุกฝ่ายต้องเคารพ RFP อย่ายกเรื่อง “เวลา” มาเป็นเงื่อนไขล้มโครงการรถไฟ 3 สนามบิน
Sharing

จากกรณที่มีข่าวว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร หรือ CPH ผู้ชนะการประมูลการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง อู่ตะเภา สุวรรณภูมิ  ได้ทำสัญญาเพิ่มเติมว่า การรถไฟฯ จะส่งมอบพื้นที่กว่า 80% ให้เอกชน ภายใน 2 ปี นั้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรัฐมนตรีผู้กำกับดูแลโครงการดังกล่าว ระบุว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดของข่าวที่เกิดขึ้น แต่ตามหลักการคือถ้าทั้ง 2 ฝ่ายทำตาม RFP หรือ Request for Proposal ซึ่งเป็นสัญญาผู้จ้างกับผู้รับจ้าง ปัญหาจะจบทันที ส่วนใครจะทำอะไร ถ้าเป็นประโยชน์กับบ้านเมือง และไม่ขัดกับ RFP ที่กล่าว สามารถทำได้แน่นอน ทั้งนี้หน้าที่ของคณะรัฐมนตรี คือ การเห็นชอบเรื่องต่างๆ และกว่าจะมาถึงตรงนั้น ทุกฝ่ายต้องทำให้ถูกต้องตามสัญญา

ส่วนข้อเรียกร้องให้ส่งมอบพื้นที่ครบ 100% ขอให้ย้อนกลับไปอ่านสัญญาว่ากำหนดการส่งมอบไว้เท่าไร ภาครัฐทำได้หรือไม่ ถ้าทำสำเร็จฝ่ายเอกชนก็ต้องมาทำงาน และระหว่างก่อสร้างภาครัฐจะทยอยส่งพื้นที่ให้ แต่ถ้าทุกฝ่ายทำตามเงื่อนไขแล้ว เอกชนยังได้รับผลกระทบในการก่อสร้าง ภาครัฐจะหาทางออกให้ ขอให้สบายใจได้ แต่อย่าเอาเรื่องการส่งมอบพื้นที่ไปล้มโครงการทั้งหมด เนื่องจากในความเป็นจริงของการทำงาน ตลอดระยะเวลาก่อสร้าง ต้องมีเรื่องให้ขยายเวลาอยู่แล้ว อาทิ น้ำท่วม การขึ้นค่าแรง เหล่านี้ ใช้เป็นเหตุผลในการขยายเวลาได้ ภาครัฐมีเหตุผล และพร้อมอำนวยความสะดวกแก่ฝ่ายเอกชน แต่ขอให้ทำตาม RFP ตอนนี้ได้คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย(บอดร์ดการรถไฟฯ)แล้ว ไม่มีล้มการเซ็นสัญญาก่อสร้างวันที่ 25 ตุลาคมนี้ แน่นอน

ส่วนกรณีที่นักวิชการท่านหนึ่ง ซึ่งมีจุดยืนหนุนพาราควอต ออกมาเสนอให้ฝ่ายหนุนและฝ่ายต้านสารพิษมาดีเบทแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบเหตุผลของแต่ละฝ่ายนั้น

นายอนุทิน กล่าวว่า ใครมีข้อมูลอะไร ก็นำเสนอคณะกรรมวัตถุอันตราย แน่นอนว่าในการประชุมทุกครั้ง จะเป็นการถกเถียงกันด้วยข้อมูล ระหว่างนี้ ใครจะพูดอะไรก็พูดไป เป็นสิทธิ์ของท่านในการให้ข้อมูล แต่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สนับสนันให้คนไทยใช้สารพิษต่อไปไม่ได้ เพราะมีอันตรายต่อสุขภาพ

เรื่องนี้ ไม่ได้คิดไปเอง แต่รับข้อมูลจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญก่อนจะตัดสินใจอย่างรอบคอบ และประกาศจุดยืนว่าต้องแบนสารพิษ แน่นอนว่าในการประชุมคณะกรรมการวัตุอันตราย ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งปลัดกระทรวงฯ ทั้งเลขา อย.ไม่มีแตกแถว แต่ของกระทรวงอื่น ตนไม่ทราบ และจะไม่ก้าวก่ายด้วย ขอย้ำว่า ใครจะพูดอย่างไร ก็พูดได้ แต่ในฐานะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สุขภาพของประชาชนคือสิ่งที่ต้องใส่ใจมากที่สุด


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่