เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562 ที่สำนักงานใหญ่พรรคอนาคตใหม่ ตึกไทยซัมมัททาวเวอร์ พล.ท.พงศกร รอดชมภู ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เปิดเผยถึงมติในที่ประชุม กมธ.จากกรณีเชิญ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกรณีบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง‘ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยพล.ต.พงศกร ระบุว่า ที่ประชุมกรรมาธิการในวันนั้นได้พูดถึงประเด็นปัญหาความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการทำบัตรประชาชนของชาวเขา ว่ามีกระบวนการพิจารณาอย่างไร จะมีปัญหาความมั่นคงหรือไม่ หรือประเด็นปัญหาการบังคับใช้กฎหมายด้านความมั่นคงมาตรา 107-135 จนถึงประเด็นสุดท้ายที่มีการหยิบยกขึ้นมาว่า ผู้บัญชาการทหารบกมีการบรรยาย ซึ่งในชุดความคิดเห็นในการบรรยายนั้น อาจจะแตกต่างจากฝ่ายการเมืองไปจนถึงประชาชนทั่วไป พล.ท.พงศกร กล่าวว่า บรรยากาศการประชุม กมธ. ในวันนั้นดำเนินไปถึงประเด็นการบรรยายของ ผบ.ทบ. วันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งในที่ประชุมมีความคิดเห็นตรงกันว่าน่าจะเชิญมาแลกเปลี่ยนความคิด เพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกันของแต่ละฝ่าย เช่นในเรื่องๆหนึ่งของการเมือง ฝ่ายหนึ่งอาจมองว่าเลวร้าย อีกฝ่ายมองว่าเป็นการสร้างสรรค์ ทำอย่างไรถึงจะมีจุดยืนและมีวิธีการร่วมมือกันอย่างไรในภาพรวม ซึ่งพอถึงในจุดที่ กมธ. เริ่มมีความคิดให้เชิญ พล.อ.อภิรัชต์ มาร่วมแลกเปลี่ยนกันทางความคิด ตนจึงหยุดและถามทีละคนในที่ประชุม ถามฝ่ายค้านสลับกันไปกับฝ่ายรัฐบาล ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าต้องเชิญ พล.อ.อภิรัชต์ มาแลกเปลี่ยนความความเห็นทางการเมือง ด้านความมั่นคง เพื่อจะได้มีความคิดตรงกันระหว่างฝ่ายการเมืองและฝ่ายกองทัพ ซึ่งในที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ขนาดที่ว่าฝ่ายรัฐบาลใน กมธ.เห็นด้วยทุกคนว่าต้องเชิญมา “ประเด็นที่ผมคิดอยู่ในใจก็คือ ท่าน ผบ.ทบ. เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คำพูดต่างๆหลายคำพูดในการบรรยายในวันนั้น อาจจะมีปัญหากระทบไม่ใช่แค่ในประเทศไทย ยังมีเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในอีกหลายเรื่องด้วย บางเรื่องยังกระทบความมั่นคงอย่างสำคัญ ซึ่งควรจะเข้ามาคุยกันเพื่อกำหนดบทบาทท่าทีให้ตรงกัน” พล.ท.พงศกร กล่าว ทั้งนี้ พล.ต.พงศกร ยังได้กล่าวถึงร่างงบประมาณทางการทหารของปี 2563 ว่ามีอยู่ 2 ประเด็นหลักที่อาจจะต้องอภิปรายในรัฐสภา คือ 1.การซื้ออาวุธทางการทหาร ก็ไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะซื้ออาวุธอะไร เพื่ออะไร เกิดผลอย่างไรทำให้เกิดความไม่โปร่งใสในการซื้ออาวุธ อีกประเด็นหนึ่งคือ หากซื้ออาวุธที่ท่านว่ามานี้ จะเกิดต่อความมั่นคงหรือเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันประเทศมากน้อยแค่ไหน เพราะการที่จะป้องกันประเทศได้ต้องมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่ระบบอาวุธ ไปจนถึงยุทธศาสตร์การเตรียมกำลังพลกับอาวุธต้องสัมพันธ์กันหมด ถ้ามีการเตรียมกำลังอย่างหนึ่ง ใช้อาวุธอีกอย่างหนึ่ง การซื้ออาวุธที่ท่านว่าจะไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นสิ่งต่างๆเหล่านี้พรรคอนาคตใหม่พบว่าการซื้ออาวุธกับการจัดกำลังพลไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน เหมือนกับว่างบประมาณก็ตั้งแบบที่เคยๆกันมา โดยไม่มีเป้าหมายที่จะทำให้กองทัพมีความเข้มแข็งเท่าที่ควร ซึ่งแนวทางของพรรคอนาคตใหม่เห็นว่า กองทัพควรจะมีความเข็มแข็งและมีประสิทธิภาพ โดยใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและโปร่งใสที่สุด
หน้าแรก news “พล.ท.พงศกร” ชี้ มติที่ประชุม กมธ. เอกฉันท์เรียก “พล.อ.อภิรัชต์” เผย ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลเห็นด้วย
“พล.ท.พงศกร” ชี้ มติที่ประชุม กมธ. เอกฉันท์เรียก “พล.อ.อภิรัชต์” เผย ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลเห็นด้วย
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562 ที่สำนักงานใหญ่พรรคอนาคตใหม่ ตึกไทยซัมมัททาวเวอร์ พล.ท.พงศกร รอดชมภู ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เปิดเผยถึงมติในที่ประชุม กมธ.จากกรณีเชิญ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกรณีบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง‘ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยพล.ต.พงศกร ระบุว่า ที่ประชุมกรรมาธิการในวันนั้นได้พูดถึงประเด็นปัญหาความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการทำบัตรประชาชนของชาวเขา ว่ามีกระบวนการพิจารณาอย่างไร จะมีปัญหาความมั่นคงหรือไม่ หรือประเด็นปัญหาการบังคับใช้กฎหมายด้านความมั่นคงมาตรา 107-135 จนถึงประเด็นสุดท้ายที่มีการหยิบยกขึ้นมาว่า ผู้บัญชาการทหารบกมีการบรรยาย ซึ่งในชุดความคิดเห็นในการบรรยายนั้น อาจจะแตกต่างจากฝ่ายการเมืองไปจนถึงประชาชนทั่วไป พล.ท.พงศกร กล่าวว่า บรรยากาศการประชุม กมธ. ในวันนั้นดำเนินไปถึงประเด็นการบรรยายของ ผบ.ทบ. วันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งในที่ประชุมมีความคิดเห็นตรงกันว่าน่าจะเชิญมาแลกเปลี่ยนความคิด เพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกันของแต่ละฝ่าย เช่นในเรื่องๆหนึ่งของการเมือง ฝ่ายหนึ่งอาจมองว่าเลวร้าย อีกฝ่ายมองว่าเป็นการสร้างสรรค์ ทำอย่างไรถึงจะมีจุดยืนและมีวิธีการร่วมมือกันอย่างไรในภาพรวม ซึ่งพอถึงในจุดที่ กมธ. เริ่มมีความคิดให้เชิญ พล.อ.อภิรัชต์ มาร่วมแลกเปลี่ยนกันทางความคิด ตนจึงหยุดและถามทีละคนในที่ประชุม ถามฝ่ายค้านสลับกันไปกับฝ่ายรัฐบาล ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าต้องเชิญ พล.อ.อภิรัชต์ มาแลกเปลี่ยนความความเห็นทางการเมือง ด้านความมั่นคง เพื่อจะได้มีความคิดตรงกันระหว่างฝ่ายการเมืองและฝ่ายกองทัพ ซึ่งในที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ขนาดที่ว่าฝ่ายรัฐบาลใน กมธ.เห็นด้วยทุกคนว่าต้องเชิญมา “ประเด็นที่ผมคิดอยู่ในใจก็คือ ท่าน ผบ.ทบ. เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คำพูดต่างๆหลายคำพูดในการบรรยายในวันนั้น อาจจะมีปัญหากระทบไม่ใช่แค่ในประเทศไทย ยังมีเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในอีกหลายเรื่องด้วย บางเรื่องยังกระทบความมั่นคงอย่างสำคัญ ซึ่งควรจะเข้ามาคุยกันเพื่อกำหนดบทบาทท่าทีให้ตรงกัน” พล.ท.พงศกร กล่าว ทั้งนี้ พล.ต.พงศกร ยังได้กล่าวถึงร่างงบประมาณทางการทหารของปี 2563 ว่ามีอยู่ 2 ประเด็นหลักที่อาจจะต้องอภิปรายในรัฐสภา คือ 1.การซื้ออาวุธทางการทหาร ก็ไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะซื้ออาวุธอะไร เพื่ออะไร เกิดผลอย่างไรทำให้เกิดความไม่โปร่งใสในการซื้ออาวุธ อีกประเด็นหนึ่งคือ หากซื้ออาวุธที่ท่านว่ามานี้ จะเกิดต่อความมั่นคงหรือเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันประเทศมากน้อยแค่ไหน เพราะการที่จะป้องกันประเทศได้ต้องมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่ระบบอาวุธ ไปจนถึงยุทธศาสตร์การเตรียมกำลังพลกับอาวุธต้องสัมพันธ์กันหมด ถ้ามีการเตรียมกำลังอย่างหนึ่ง ใช้อาวุธอีกอย่างหนึ่ง การซื้ออาวุธที่ท่านว่าจะไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นสิ่งต่างๆเหล่านี้พรรคอนาคตใหม่พบว่าการซื้ออาวุธกับการจัดกำลังพลไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน เหมือนกับว่างบประมาณก็ตั้งแบบที่เคยๆกันมา โดยไม่มีเป้าหมายที่จะทำให้กองทัพมีความเข้มแข็งเท่าที่ควร ซึ่งแนวทางของพรรคอนาคตใหม่เห็นว่า กองทัพควรจะมีความเข็มแข็งและมีประสิทธิภาพ โดยใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและโปร่งใสที่สุด