หน้าแรก news “นิยม” อัดรัฐเห็นการซื้ออาวุธสำคัญกว่าช่วยเหลือเกษตรกร ด้าน “สุทิน” ขู่โหวตคว่ำถ้าไม่ยอมรับฟังฝ่ายค้าน

“นิยม” อัดรัฐเห็นการซื้ออาวุธสำคัญกว่าช่วยเหลือเกษตรกร ด้าน “สุทิน” ขู่โหวตคว่ำถ้าไม่ยอมรับฟังฝ่ายค้าน

0
“นิยม” อัดรัฐเห็นการซื้ออาวุธสำคัญกว่าช่วยเหลือเกษตรกร ด้าน “สุทิน” ขู่โหวตคว่ำถ้าไม่ยอมรับฟังฝ่ายค้าน
Sharing

นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการดูภาพรวมการจัดสรรงบประมาณปี 2563 วงเงินกว่า 3.2 ล้านล้านบาท พบว่ารัฐบาลจัดสรรงบไม่มีธรรมมาภิบาล ไปให้ความสำคัญกับงบประมาณด้านความมั่นคง มากกว่าการพัฒนาด้านการเกษตร ถือว่าผิดหลักการจัดสรรงบประมาณมาก และไม่เป็นธรรมกับประชาชน
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมไม่ใช่ด้านการทหาร การจัดสรรงบประมาณควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาต่อยอดและการปรับปรุงคุณภาพสินค้าการเกษตรเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกสร้างรายได้กลับมาในประเทศมากกว่า เอาเงินงบประมาณของประเทศไทยไปให้กับพ่อค้าอาวุธ ซื้ออาวุธเพื่อความมั่นคงเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ในงบประมาณปี 63 รัฐจัดสรรงบประมาณ ผูกพัน ระยะยาวสำหรับการซื้ออาวุธให้กองทัพปีละหลายหมื่นล้านบาท ถือว่าไม่ถูกต้อง อยากเตือนว่ารัฐบาลควรจัดลำดับความสำคัญการใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่เป็นรัฐบาลที่ไม่เห็นหัวประชาชน

นายนิยม กล่าวด้วยว่า บริหารงานของรัฐบาล โดยเฉพะการใช้จ่ายเงินภาษีประชาชนผิดพลาดมาโดยตลอด รัฐบาลเลือกเอาใจนายทุนมากกว่าจะมองประโยชน์ที่ประชาชน นโยบาย ชิมช็อปใช้ ช่วยประชาชนก็จริงแต่เงินของประชาชนไหลไปอยู่ในกระเป๋านายทุน หากเปลี่ยนจากการซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้าของนายทุนเป็นซื้อสินค้าจากร้านรัฐวิสาหกิจชุมชน อันไหนช่วยเหลือประชาชนมากกว่า และที่สำคัญรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลควรทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หลายกระทรวงทำงานไปคนละทิศละทางประชาชนสับสนกับนโยบายรัฐบาล

อยากฝากไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรบูรณาการ การทำงานของรัฐมนตรีทุกกระทรวง ให้บริหารงานไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำอย่างเช่นที่เป็นอยู่นายนิยมกล่าว

 

นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า ผู้อภิปรายของพรรคเพื่อไทยได้เตรียมระบบคล้ายลูกเสือ จะมีผู้อภิปรายทั่วไปและจะมีนายหมู่ลูกเสือหมายถึงจะมีผู้อภิปรายหลักหรือนายหมู่ในหมวดใดหมวดหนึ่ง เพื่อเน้นย้ำในแต่ละเรื่องซึ่งก็จะเสริมเป็นระยะๆและสุดท้ายก็จะมีคนสรุป ซึ่งนายหมู่ มี11-12 คน เช่น น.พ.ชลน่าน นายจิรายุ นายศรัณย์วุฒิ ซึ่งจะดูคนละเรื่อง ส่วนมหาดไทยกับกลาโหมนั้น จริงๆวันนี้จะมีการประชุม เพื่อแจกรายละเอียด ด้านกลาโหมอาจจะเป็นสงวน พงษ์มณี หรือจาจจะเป็นนายพิเชษฐ์

สำหรับหลักการที่ใช้เป็น กรอบในการพิจารณางบประมาณคือ 1ใช้งบประมาณทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของเงินหรือไม่ หรือเอาไปใช้แบบไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร 2.ใช้งบประมาณในการแก้ปัญหาประเทศตรงจุดหรือไม่ ตอบโจทย์ประเทศตอบโจทย์ประชนชนหรือไม่3.ได้ใช้งบประมาณไปตามหลักระเบียบวิธีงบประมาณตามกฎหมายหรือไม่

ฝ่ายค้านดูเป็นรายจุดหากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายมีไว้กำกับเพื่อให้รัฐบาลไม่ใช้เงินตามใจชอบและเพื่อป้องกันการทุจริต และ4.งบประมาณที่จัดโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ประชาชนสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ ประชาชนมีส่วนร่วมหรือไม่ เพราะฉะนั้น ขั้นรับหลักการ4ข้อวาระแรก จะต้องถามรัฐบาลและรัฐบาลจะต้องตอบ

ทั้งนี้หากฝ่ายค้านไม่ลงมติให้ จะถูกตี ความว่าเป็นการถ่วงความเจริญหรือแกล้งรัฐบาลหรือไม่นั้น เชื่อว่าในการอภิปรายครั้งนี้จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ เพราะฝ่ายค้านจะชี้ให้เห็นจุดบกพร่องชัดเจน แต่ถ้าหากรัฐบาลไม่ยอมรับหรือไม่ท่าทีที่จะไม่ไปแก้ไข จนฝ่ายค้านคว่ำ ก็คิดว่าสังคมจะเข้าใจ

ซึ่งการคว่ำนี้ไม่ใช่การเสียโอกาส แต่เป็นการนำกลับไปทำใหม่และนำเข้ามาใหม่ก็ยังทัน ในระหว่างที่ทำมาใหม่รัฐบาลก็ยังใช้เงินได้อยู่ ซึ่งกฎหมายใหม่นี้รบ.สามารถใช้เงินล่วงหน้าได้อยู่ เพราะฉะนั้นไม่กระทบ ถ้าพ.ร.บ.ตก รบ.ก็รีบไปทำใหม่ก็เสนอใหม่ซึ่งใช้เวลาไม่นาน

ฉะนั้นการที่จะบอกว่าฝ่ายค้านจ้องจะล้มหรือทำให้ประเทศเสียโอกาสหรือไม่ อยู่ที่การอภิปรายใน2-3วันนี้ แต่ถ้าอภิปรายชี้ให้เห็นข้อบกพร่องที่ชัดเจน และรัฐบาลก็ยังไม่รับฟัง แล้วฝ่ายค้านยังปล่อยให้ผ่าน ก็กลัวว่าประชาชนจะหาว่าไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องดูแลผลประโยชน์ของประชาชนนี่ต่างหากที่น่าห่วง

วันนี้ฝ่ายค้านไม่ต้องการจะล้มรัฐบาลไม่ต้องการเอางบประมานมาเล่นเกมส์การเมืองเพราะฉะนั้นอยู่ที่ว่าถ้ารัฐบาลชี้แจงได้ แล้วยอมรับที่จะเอาข้อบกพร่องที่ฝ่ายค้านชี้ไปแก้ไข ฝ่ายค้านก็อาจให้ความร่วมมือ แต่มีข้อแม้ว่ารัฐบาลต้องเปิดใจกว้างแล้วยอมรับ แต่ถ้าไม่เปิดใจกว้างและไม่ยอมรับ อย่างไรก็ให้ผ่านไม่ได้ ทั้งนี้ถ้าชี้แจงได้ก็ให้ผ่านอยู่แล้ว

ด้านของฝ่ายค้านอิสระนั้น ตนมองว่าคงไม่มีอีกแล้วเพราะไม่ได้แสดงตัวว่าอิสระ และไม่ได้ติดต่อมาที่ฝ่ายค้านเพื่อขอเวลาอภิปราย แต่ถ้าจะขอเวลาคงจะต้องติดต่อทางสภาเอง ส่วนงูเห่าเชื่อว่าเพื่อไทยไม่มีและไม่มีใครแหกมติพรรค

อย่างไรก็ตามไม่มีใครให้จับตาเป็นพิเศษเพราะอยากให้ดูที่สาระที่มีบางข้อบางหมวดที่รัฐบาลต้องตอบให้ได้

เรื่องงบลับก็ติดใจทุกรัฐบาล และงบกลางก็ติดใจเพราะสูงกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาถ้ามีการอ้างว่า งบกลางเกี่ยวกับภัยพิบัตินั้น มองว่างบภัยพิบัติควรเป็นงบประจำได้แล้วเพราะอย่างไรก็ตามประเทศไทย ก็ต้องเกิด

การจัดสรรงบในครั้งนี้จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้หรือไม่ ฝ่ายค้านน่าจะชี้ให้ประชาชนได้เห็น ซึ่งในวันนี้ ไม่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะส่วนใหญ่เป็นงบประจำ ส่วนงบลงทุนแก้ปัญหาเศรษฐกิจจริงๆมีน้อยและไม่พอ

นักกิจกรรมเรียกร้องให้ส.ส.งดออกเสียง ในการอนุมิติพ.ร.ก.เป็นมุมมองของส่วนหนึ่งของสังคมที่ต้องรับฟัง ส่วนจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ต้องไปดูเหตุผล ซึ่งขณะนี้ในส่วนของพรรค ยังไม่มีการหารือกัน ยอมรับว่าพ.ร.ก.นี้มาเร็ว และจะมีมติของพรรคออกมาได้ทัน


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่