พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีสหรัฐอเมริกามีคำสั่งระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) กับสินค้าจากไทย ว่า
จำเป็นต้องไปดูสิ่งที่เป็นปัญหามันอยู่ตรงไหน เพื่อหาทางเจรจาพูดคุยกัน อย่างไรก็ตาม เราเคยเจรจาขอคืนสิทธิในเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว โดยปีก่อนได้คืนมา 7 รายการ
นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวไม่ได้มีผลเฉพาะกับประเทศไทย ประเทศในอาเซียนก็โดนไปด้วย อันนี้เป็นสิทธิของเขาโดยคณะทำงานของเขา แต่ถ้าเรามองวิกฤตเป็นโอกาส ก็ต้องพยายามเจรจาในระยะสั้น ขอคืนสิทธิให้ได้โดยเร็ว จะมีการยกขึ้นเจรจาภายใต้กรอบการตกลงทางการค้าการลงทุนไทย-สหรัฐฯ ต่อไป และในระยะยาวสิ่งที่เราต้องทำคือหาตลาดใหม่ ทดแทนตลาดเดิม ได้แก่ รัสเซีย ยุโรปตะวันออก อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา เป็นต้น
ส่วนการใช้ประโยชน์จากประเทศไทยในการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี FTA13 กรอบความตกลงอาเซียน จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู ฮ่องกง และการขยายการลงทุนไปยังประเทศที่ได้รับสิทธิจีเอสพีสหรัฐ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีมากกว่าไทย ถือเป็นการขยายตลาด ขยายการลงทุน
นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นยังต้องมีการปรับกลยุทธ์ในการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าให้มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรองรับสถานการณ์การค้าในตลาดโลกที่แข่งขันเสรีได้ ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
“ขอให้พวกเราอย่าวิตกกังวลเรื่องนี้ให้มากนัก อันนี้จำเป็นต้องหารือกับภาคเอกชนของเราด้วย ว่ามีมาตรการช่วยเหลืออะไรกันอย่างไร”
ถามว่าไม่เกี่ยวได้อย่างไรในเมื่อสินค้าของสหรัฐฯ มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ไม่สามารถส่งมาไทยได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขของ WTO พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ก็เดี๋ยวมีการเจรจา”