ปรากฏข่าวฮือฮา ล่าสุด นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บุกด่านตรวจพืชเชียงแสน จังหวัดเชียงราย แบบไม่ได้นัดหมาย พร้อมขอดูข้อมูลการทำงาน
พบความจริงที่น่าตกใจ จากการสุ่มตรวจสินค้าจากจีนและเมียนมา หาสารพิษตกค้าง จาก 1.5 พันตัวอย่างในปีนี้ พบ 14 ตัวอย่าง มีสารพิษตกค้าง ยาฆ่าแมลงวัตถอันตราย ต้องห้ามประเภท ว 4 ในกลุ่มสารไดโลโทรฟอส เมวินฟอส เมทามิโดฟอส อยู่ในกลุ่มออการ์โนฟอสเฟส จากเมียนมา เช่นพริก พริกหยวก มีสารตกค้างเกินมาตรฐาน และส้ม มีสารตกค้างเกิน 100 % เป็นชนิดเดียวที่มีสารตกค้างมากทึ่สุด
ส่วนจากจีน มี คึ่นช่าย ซาลารี กระหล่ำปลีม่วง พริก บล็อคเคอร์รี่ แรดิช มีสารตกค้างเกินค่ามาตรฐานเช่นกัน
เดินหน้าชน ไม่กลัวหน้าอินทร์ หน้าพรหม เป็นวิธีการทำงานของรัฐมนตรีช่วยฯ จากพรรคภูมิใจไทยท่านนี้ ที่ในช่วงก่อนแบนสารพิษ ก็บุกตรวจทั้งภาครัฐและเอกชน ขอดูสต็อกสารพิษ ไปจนถึงบุกตามโรงเรียนฟังเสียงประชาชนที่ได้รับผลจากพิษร้าย
ได้ข้อมูลที่ชัดเจน ประกอบการตัดสินใจ
เดินหน้าแบนสำเร็จ
สำหรับนางสาวมนัญญานั้น ได้ฉายาจากสื่อมวลชนว่า “สวยสั่งลุย” เพราะทำงานแบบถึงลูกถึงคน และเอาจริงเอาจังเรื่องแบนสารพิษ ต้องย้อนกลับไปที่บ้านเกิดของนางสาวมนัญญาคือจังหวัดอุทัยธานี ที่ประชาชนมีอาชีพหลักเป็นเกษตรกร
นางสาวมนัญญา เล่าให้ฟังว่า สมัยทำงานการเมืองท้องถิ่น เวลาลงพื้นที่ มักจะมีคนที่รู้จักมักคุ้นมาเตือนอยู่เสมอว่าตรงนี้ห้ามเดินผ่านนะ มันอันตราย ตนก็สงสัย ได้คำตอบมาว่า เพราะเพิ่งฉีดยาฆ่าหญ้า ยังมีสารตกค้าง ได้ตระหนักว่าสารพิษที่เกษตรกรฉีดงนาข้าว แปลงผัก ไม่ใช่เพียงทำลายศัตรูพืช แต่ชีวิตคนก็อาจไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อมีโอกาสมาทำงานรับใช้ประชาชน ก็สมควรจะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ตลอดระยะเวลาการลุยหักด่าน เปิดหน้าต้านสารพิษ ต้องบอกว่าไม่เพียงแต่กุหลาบที่นางสาวมนัญญาได้รับ เพราะมีก้อนหินเขวี้ยงมาไม่น้อย
โชคดีที่มี “พี่ชาย” ชื่อชาดา ไทยเศรษฐ์ คอยปกป้อง ขณะที่ทางพรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกตัวสนับสนุนจังหวะก้าวของนางสาวมนัญญาอย่างเต็มที่
การต่อสู้ครั้งนี้ จึงมิใช่การฟาดดาบโดยลำพัง
กรณีล่าสุดที่นางสาวมนัญญาตรวจด่านพืช เป็นการเดินหน้าเอาจริงเอาจังเรื่องแบนสารพิษ ซึ่งต่อเนื่องมากจากที่คณะกรรมการวัตถอันตราย มีมติยกเลิกใช้พาราควอต ไกรโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ในอนาคต ด่านดังกล่าวจะถูกยกระดับการตรวจสอบให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
รัฐมนตรีช่วยฯ ขาลุยเปิดเผยว่า
“จะตั้งแล็ปที่สมบูรณ์ขึ้นด่านเชียงของ และเจ้าหน้าที่ด่านพืช จะร่วมทำงานเจ้าหน้าที่อย. ซึ่งแล็ปที่ทันสมัยมีศักยภาพตรวจสารพิษได้100กว่าสาร เพื่อป้องกันอันตรายคนไทย ต้องไม่บริโภคพืชผักมีสารตกค้าง”
ในอีกด้านนางสาวมนัญญา กำลังผลักดันเกษตรกรไทย ให้เปลี่ยนไปดำรงชีพด้วยวิถีของเกษตรอินทรีย์ ที่แม้จะได้ผลผลิตน้อยกว่า แต่จะขายได้ราคาสูงกว่า และเป็นที่ต้องการของตลาดระดับบน โดยนำร่องแล้วที่จังหวัดอุทัยธานี ควบคู่ไปกับยกระดับระบบสหกรณ์ที่จะไม่ใช่เพียงแหล่งเงินทุน แต่จะเป็น “ซูเปอร์มาร์เก็ต” ตามชุมชนขนาดใหญ่ด้วย เพื่อลดอำนาจของพ่อค้าคนกลาง ดึงเงินกลับมาที่มือของเกษตรกร ในฐานะเจ้าของร่วมสหกรณ์
และเรื่องดังกล่าวมิใช่เพียงไอเดีย เพราะได้เดินหน้าสู่การปฏิบัติแล้ว
30 ตุลาคมที่ผ่านมา นางสาวมนัญญา ได้เปิดซูเปอร์มาร์เก็ตสหกรณ์แห่งแรกในกรุงเทพมหานคร (ซูเปอร์พระนคร) ที่ร้านสหกรณ์พระนคร ถ.พหลโยธิน ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอารีย์
ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่จะพัฒนาร้านสหกรณ์ ให้เป็นศูนย์รวบรวมและจำหน่ายพืชผักปลอดสาร และผลิตผลการเกษตรจากสหกรณ์ทั่วประเทศ
จะเห็นว่าการทำงานของนางสาวมนัญญานั้น มีเป้าหมายเพื่อยกระดับสุขภาพคนไทย ให้ปลอดภัยจากสารพิษด้านการเกษตร ซึ่งเป็นการคิดแบบบูรณาการ มิใช่เพียงแค่แบนสารพิษ แต่ยังมองถึงก้าวต่อไปคือเกษตรอินทรีย์ ไปจนถึงเรื่องการกระจายสินค้า หรือซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์
นี่คือผลงานความคิดสู่การปฏิบัติที่จับต้องได้ อันมาจากการ “ลุย” ของรัฐมนตรีช่วย “มนัญญา ไทยเศรษฐ์”
Ringsideการเมือง