หน้าแรก news “ชวลิต” ขอบคุณ “มนัญญา” สุ่มตรวจผักผลไม้ด่านเชียงแสน เผย เศร้าใจวิสัยทัศน์อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร หนุนสารพิษ

“ชวลิต” ขอบคุณ “มนัญญา” สุ่มตรวจผักผลไม้ด่านเชียงแสน เผย เศร้าใจวิสัยทัศน์อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร หนุนสารพิษ

0
“ชวลิต” ขอบคุณ “มนัญญา” สุ่มตรวจผักผลไม้ด่านเชียงแสน เผย เศร้าใจวิสัยทัศน์อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร หนุนสารพิษ
Sharing

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นประเด็นการแบน 3 สารพิษร้ายแรงของคณะกรรมการวัตถุอันตราย, การร้องศาลปกครองของกลุ่มที่สนับสนุนการใช้สารเคมี  และล่าสุดข่าวการขอทบทวนการแบนไกลโฟเซต ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า ผมคงต้องออกมาสื่อสารข้อมูลอย่างแรง ๆ ไปยังประชาชนชาวไทยทุกคนจะได้ตระหนักร่วมกันว่า ปัจจุบันคนไทยเสี่ยงตายผ่อนส่งจ่อประตูบ้านทุกครัวเรือนจากผัก ผลไม้ ที่ปนเปื้อนสารเคมีเกินค่ามาตรฐานหลายสิบเท่า

ขอขอบคุณ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ รมช.เกษตร ฯ ที่แอบย่องไปสุ่มตรวจผัก ผลไม้ ที่ด่านเชียงแสน พบการปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานถึง 100% นับเป็นช้อคแรกที่ทำให้หดหู่ว่า ทำไมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหละหลวม ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ไม่มีมาตรการเฝ้าระวังในการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพเพื่อคุ้มครองคุณภาพชีวิตของคนไทย หลังจากที่ผมและคณะไปตรวจที่ด่านเชียงของ ก็พบว่าไม่มีห้องแล็บสำหรับสุ่มตรวจผัก ผลไม้ ที่นำเข้าจากต่างประเทศแต่อย่างใด แล้วผัก ผลไม้นั้นก็ส่งมาป้อนผู้บริโภคชาวกรุงเทพและปริมณฑลเป็นส่วนใหญ่

ช้อคที่สอง ในการประชุม กมธ. ได้ข้อมูลจาก BIO – THAI ว่า ปัจจุบันจากการสุ่มตรวจผัก ผลไม้ พบว่ามีสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานเฉลี่ยที่ 41% ในขณะที่ ญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา หากพบเกิน 2 – 3% ประชาชนก็โวยแล้ว ในส่วนของรัฐก็ห้ามจำหน่ายสินค้าดังกล่าว แต่ของไทย ขายกันอย่างเสรี ไร้การเฝ้าระวัง ไร้การตรวจสอบอย่างจริงจัง

ผมเห็นว่า จากสถิติผัก ผลไม้ มีการปนเปื้อนสารเคมีเกินค่ามาตรฐานทั้งนำเข้า และภายใน ดังกล่าวข้างต้น  ถึงเวลาแล้วที่ต้องเลิกเกรงใจกัน เพราะภัยเงียบได้คุกคามมาถึงทุกครัวเรือนแล้ว

เห็นได้ชัดว่า ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหละหลวม ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อีกทั้งรัฐบาลก็ละล้าละลังไม่จัดลำดับความสำคัญให้คุณภาพชีวิตคนไทยมีความสำคัญเป็นลำดับแรก ที่ต้องได้รับการแก้ไขปัญหาก่อน

ผมจึงไม่แปลกใจทำไมคนไทยถึงตายด้วยโรคมะเร็งมาเป็นอันดับ 1 มากว่า 10 ปี มีสถิติการตายที่เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุข ว่าคนไทยตายด้วยโรคมะเร็ง ชั่วโมงละ 8 คน วันละเฉียด 200 คน

นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลเด็กไทยเกิดใหม่เป็นออทิสติกมากขึ้น ไอคิวเด็กไทยต่ำลง ๆ นับเป็นข้อมูลที่น่าสะพรึงกลัวมาก ยิ่งเห็นวิสัยทัศน์ของอดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตรที่ออกมาคัดค้านการแบน 3 สารพิษร้ายแรง ทั้งกล้าประกาศว่าประเทศไทยไม่มีทางทำเกษตรอินทรีย์เป็นผลสำเร็จแล้วยิ่งเศร้าใจ เพราะวิสัยทัศน์ดังกล่าว  ตรงข้ามกับสิ่งที่ผมและคณะ กมธ.ที่เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจเกษตรกรจังหวัดหนองบัวลำภูที่ประสบเคราะห์กรรมเจ็บป่วยจากการใช้ยาปราบวัชพืช ต้องตัดขาจำนวนมาก สิ่งแวดล้อมเสียหาย แต่ปัจจุบันทุกภาคส่วนในจังหวัดได้ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสที่จะร่วมกันตั้งเป้าหมายให้จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นโมเดลที่จะทำโครงการเกษตรอินทรีย์ให้เป็นผลสำเร็จให้ได้

ผมจึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลโปรดแสดงความจริงใจต่อการรักษาคุณภาพชีวิตประชาชนเป็นลำดับแรก มากกว่าประโยชน์อย่างอื่น ต้อง “ปฏิวัติเขียว” ให้โครงการเกษตรอินทรีย์เป็นวาระแห่งชาติเท่านั้น ถึงจะฟื้นฟูประเทศให้ประชาชนคนไทยรอดตายผ่อนส่ง

จากการเตือนแรง ๆ ครั้งนี้ ผมหวังว่า สังคมจะร่วมกันตระหนักถึงภัยเงียบจากสารเคมีปนเปื้อนผัก ผลไม้ เกินค่ามาตรฐาน นับเป็นภัยต่อความมั่นคงที่จ่อประตูทุกครัวเรือน ถึงเวลาแล้วที่คนไทยควรเรียกร้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่รัฐต้องปกป้องคุ้มครองชีวิตคนไทยและสิ่งแวดล้อม ให้ปลอดภัย หากรัฐบาลเพิกเฉยหรือเอื้อประโยชน์กลุ่มใด กลุ่มหนึ่งมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนส่วนใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนสามารถใช้สิทธิปกป้องตนเองได้ตามรัฐธรรมนูญ


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่