จากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่มีกระแสข่าวว่าทางพรรคพลังประชารัฐเตรียมเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ขึ้นมาท้าชิงนั้น
ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยกัน เป็นมารยาททางการเมือง ส่วนชื่อของทั้ง 2 ท่านที่ได้รับการเสนอมาดำรงตำแหน่งสำคัญ ตนไม่ได้ขัดข้อง เพราะเป็นบุคคลที่มีคุณค่าทางการเมืองทั้งสิ้น และหากต้องการทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง การมีตำแหน่งไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเป็นเพียงหัวโขน
เมื่อถามถึงบุคลิกของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอนุทิน ตอบว่า ขอให้รักชาติบ้านเมือง ไม่ลุแก่อำนาจ คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นใหญ่
ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญ ต้องทำให้ประชาชนส่วนรวมได้ประโยชน์ อย่าทำเพื่อคนกลุ่มหนึ่ง หรือทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง ทั้งนี้ ขอย้ำว่า ยังไม่มีการนัดหารือกัน แต่เชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า บางฝ่ายเกรงว่า หากนายอภิสิทธิ์ ได้เป็นประธานฯ อาจสร้างปัญหาในอนาคต เพราะนายอภิสิทธิ์เคยประกาศไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ นายอนุทิน ตอบว่า คงไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับชาติบ้านเมือง แต่ที่สุดแล้ว มันก็ต้องมีการพูดคุย
เมื่อถามถึงโอกาสในการแก้รัฐธรรมนูญ นายอนุทิน กล่าวว่า มันแก้ง่ายเสียเมื่อไร ส่วนตัวขอเอาเวลาไปแก้ปัญหาปากท้อง
นักข่าวถามต่อว่าแล้วพรรคภูมิใจไทย มีแนวคิดจะเสนอใครหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า
“ไม่โยนฟืนเข้ากองไฟ”
จากนั้น นายอนุทิน ได้กล่าวถึงการลงพื้นที่ ครม.สัญจร ที่จังหวัดราชบุรี และกาญจนบุรี ซึ่งมีความกังวลว่าอาจจะมีมวลชนออกมาเคลื่อนไหว ว่า ขอให้คุยกันด้วยเหตุผล ในฐานะผู้ที่เข้ามาบริหารประเทศ ย่อมพร้อมรับฟังทุกปัญหา เมื่อทำงานด้วยเจตนาบริสุทธ์ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ก็ต้องยืนยันในเจตนารมย์ต่อไป
ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ได้ให้การต้อนรับนายแอนโตนิโอ วิตอรีโน (Antonio Vitorino)ผอ.องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน และคณะ เนื่องในโอกาสมาเยือนประเทศไทย โดยใช้เวลาหารือประมาณ 20 นาที
นายอนุทิน กล่าวว่า ผอ.องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ได้แสดงความชื่นชมประเทศไทย ซึ่งให้การดูแลแรงงานต่างชาติ และชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านการดูแลสุขภาพ และการรักษาพยาบาล ซึ่งทางยูนีเซฟ ก็เคยชื่นชมในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ระบบบริการสุขภาพของไทย ไม่เป็น 2 รองใคร ต้องขอบคุณ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ดูแลเรื่องการต่างประเทศ วันนี้ การสาธารณสุขของไทยมีชื่อเสียง และเป็นแบบอย่างให้หลายประเทศ
เมื่อถามถึงความคืบหน้าเรื่องการหาสารทดแทน 3 สารพิษที่ถูกแบน นายอนุทิน กล่าวว่า จะเป็นสารอะไรก็ได้ ขออย่ามีปัญหากับสุขภาพของประชาชน ใช้แล้วไม่เกิดโรค เกิดแผล เพราะถ้ามีผลกระทบแบบเดิมอีก ก็ต้องแบน กระทรวงสาธารณสุขมีแลบของกรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ คณะกรรมการอาหารและยา ดังนั้น อะไรที่เป็นอันตราย รับรองว่าตรวจพบแน่ และถ้าพบ ก็ต้องเจอดี