หน้าแรก news กำไรของชีวิตคือสุขภาพ ! “อนุทิน” หนุน เกษตรอินทรย์ เป็นทางเลือกหลังแบนสารพิษ ยก “อธิบดีมงคล” คือตัวอย่างความสำเร็จ

กำไรของชีวิตคือสุขภาพ ! “อนุทิน” หนุน เกษตรอินทรย์ เป็นทางเลือกหลังแบนสารพิษ ยก “อธิบดีมงคล” คือตัวอย่างความสำเร็จ

0
กำไรของชีวิตคือสุขภาพ ! “อนุทิน” หนุน เกษตรอินทรย์ เป็นทางเลือกหลังแบนสารพิษ ยก “อธิบดีมงคล” คือตัวอย่างความสำเร็จ
Sharing

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่เฟซบุ๊ค “อนุทิน ชาญวีรกูล” ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปรากฏข้อความเป็นเรื่องราวชีวิตเกษตรกรของนายมงคล สุระสัจจะ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง ที่ผันตัวไปทำเกษตรอินทรีย์หลังเกษียณราชการ ซึ่งนายอนุทิน เสนอว่า การทำเกษตรอินทรีย์ จะเป็นทางเลือกที่สำคัญของเกษตรกรหลังภาครัฐเดินหน้ามาตรการแบนสารพิษ

นายอนุทินโพสต์ว่า

กำไรของชีวิต คือ สุขภาพ

กำไรของแผ่นดิน คือ ปลอดสารพิษ

……..

ท่านมงคล สุระสัจจะ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง เริ่มประกอบอาชีพใหม่เป็นเกษตรกร เต็มตัว ในวัยเกษียณอายุราชการ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ที่จังหวัดบุรีรัมย์

ท่านมงคล อายุ 67 ปี แต่ยังแข็งแรงมาก สุขภาพดี ทำเกษตรอินทรีย์ เต็มรูปแบบ  และถ่ายทอดประสบการณ์ ที่น่าสนใจ ศึกษา สำหรับเกษตรกร ที่ถามว่า แบนสารพิษแล้ว จะหาสารตัวไหนมาทดแทน

อ่านบันทึกของท่าน ได้ความรู้ มากครับ

……..

พ่อฉันเป็นชาวนา

ฉันเกิดเมื่อปี 2495 มีพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นชาวนา

สมัยที่ฉันยังเด็ก หมู่บ้านฉันไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีถนน มีแต่แม่น้ำลำคลอง พ่อแม่ฉันทำนาหลักร้อยไร่ ไม่เคยใช้สารเคมีอันตรายใดๆ แต่ก็ทำนาส่งเสียให้ลูก 6 คน เรียนจบปริญญาได้ทั้งหมด

ฉันเติบโตมาไม่ได้เป็นชาวนา เพราะพ่อแม่ฉันไม่อยากให้ฉันลำบาก จึงส่งให้เรียนจนจบปริญญา ออกมารับราชการเป็นปลัดอำเภอ แล้วก็เป็นนายอำเภอ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด

ฉันใช้ชีวิตราชการคลุกคลีกับชาวไร่ชาวนาในชนบทมาตลอดชีวิตของฉัน พบเห็นการทำเกษตรของชาวไร่ชาวนาสมัยนี้ ที่ใช้สารเคมีอันตรายมาโดยตลอด

พบเห็นความเจ็บป่วย พบเห็นความตาย ความทุกข์ทรมาน ของชาวนาชาวไร่ที่ได้รับจากการได้รับพิษภัยของสารเคมีอันตรายที่เอามาใช้กำจัดวัชพืช กำจัดแมลง

ฉันพยายามห้ามปรามแต่ไม่มีใครเชื่อฟัง เพราะเขาบอกว่าฉันไม่ใช่ชาวนา ไม่ได้ทำนา จะมารู้เรื่องการทำนาทำไร่ได้ยังไง

ฉันเคยตั้งงบประมาณถึงสิบล้านบาทไปไถกลบตอซังให้ชาวนาหลังฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อไม่ให้ชาวนาเผาตอซังข้าว ซึ่งก็เป็นผลดีอย่างมากเพราะทำให้ไม่ต้องเผาชาวบ้านไม่ต้องได้รับความทุกข์ทรมานจากควันไฟ แถมยังได้ปุ๋ยบำรุงดินอีกด้วย

จึงมีเสียงชื่นชมในการทำงานของฉันจากชาวบ้านเป็นอย่างมาก แต่พอฉันย้ายไปทำงานส่วนกลางไม่ได้อยู่ในชนบทชาวบ้านก็กลับมาเผานาเผาไร่กันอีก

หลังเกษียณฉันจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ปักหลักทำการเกษตรที่บุรีรัมย์ นาของฉันไม่เผาเด็ดขาด ฉันไถกลบตอซังหลังฤดูเก็บเกี่ยว ปลูกปอเทืองบำรุงดิน

ข้าวกล้าก็ได้ผล ไส้เดือน กิ้งกือ กบเขียด ก็กลับมาอีก ผืนดินก็อุดมสมบูรณ์

ฉันปลูกแตงโม เมล่อน ปลูกผักขายเป็นอาชีพหลัก งดเว้นไม่ใช้สารเคมีอันตรายใดๆ อย่างเด็ดขาด

ผลผลิตของฉันก็สะอาด ไร้การปนเปื้อนจากสารเคมีใดๆ รสชาดก็อร่อยตามธรรมชาติ

ใครกินแล้วก็ติดใจ

อาชีพชาวไร่ทำนาทำให้ฉันมีความสุข มีสุขภาพดี

คนงานของฉันมีความสุข มีสุขภาพดี

ฉันและคนงานมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ

ทุกวันนี้ฉันมีเพื่อนที่ทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มมมากขึ้น เราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันบ่อยๆและขยายจำนวนสมาชิกเพิ่มมากขึ้นจนเหลือคณานับ

ฉันยืนยันว่า การปลูกพืชโดยไม่ใช้สารเคมีอันตรายฆ่าหญ้า ฆ่าแมลงสามารถทำได้ เพียงแต่เกษตรกรต้องประนีต ต้องเอาใจใส่ในการดูแล

ไม่มีผลกำไรใดๆจะเท่ากับกำไรที่ได้จากการมีสุขภาพดี กำไรที่ตัวเองและชาวบ้านรวมทั้งผู้บริโภค ได้รับอาหารดี จากการทำการเกษตรปลอดสารพิษ

กำไรจากการที่ผืนแผ่นดินและสิ่งแวดล้อมไม่ถูกทำลายจากการใช้สารพิษ

ขออนุญาต แนะนำ ไร่เพื่อนคุณ ของท่านมงคล

ขอบคุณ ท่านมงคล สุระสัจจะ

เจ้าของเรื่อง ที่กรุณาถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิต


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่