หน้าแรก news ชี้ “ภูมิใจไทย” มีต้นทุนสูง แนะ “ผู้มีอำนาจ” เร่งเคลียร์ข่าวความขัดแย้งก่อนสายเกินแก้

ชี้ “ภูมิใจไทย” มีต้นทุนสูง แนะ “ผู้มีอำนาจ” เร่งเคลียร์ข่าวความขัดแย้งก่อนสายเกินแก้

0
ชี้ “ภูมิใจไทย” มีต้นทุนสูง แนะ “ผู้มีอำนาจ” เร่งเคลียร์ข่าวความขัดแย้งก่อนสายเกินแก้
Sharing

ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ม.บูรพา วิเคราะห์ข่าวความขัดแย้งระหว่าง “สื่อดัง” และ “พรรคภูมิใจไทย” ว่า

มันอาจจะเป็นสัญญาณที่สะท้อนว่าในรัฐบาลมีรอยร้าว เพราะ “สื่อดัง” มีคอนเน็กชั่นในรัฐบาลทั้งที่เป็นนายทุน และที่เป็นรัฐมนตรี ดังนั้น ภูมิใจไทยขณะนี้ น่าจะกำลังตั้งหลักคิดแล้วว่าที่สุดแล้ว พรรคภูมิใจไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร

นี่คือภาวการณ์ที่ผู้มีอำนาจก็ต้องคำนึงถึง เพราะรัฐบาลกำลังจะต้องรับมือกับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยฝ่ายค้านยุคใหม่ ที่เดินเกมด้วยข้อมูล และไม่ไว้ไมตรี จึงไม่ควรมีเรื่องระหองระแหงในพรรคร่วมตามที่เป็นข่าว ถ้าคิดออก ผู้มีอำนาจต้องเรียกคู่ขัดแย้งมาเคลียร์กันให้จบ มิเช่นนั้น จะเกิดปัญหาบานปลาย

ตอนนี้สังคมเริ่มตั้งคำถามแล้วว่าผู้มีอำนาจลำเอียงหรือไม่ ทำไมปล่อยให้พรรคที่ทำงานดี โดนตรวจสอบจากสื่อที่สังคมมองว่ามีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาล อย่างมีความน่าสงสัย

ถ้าภูมิใจไทยจะน้อยใจ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะเขาทำงานหนัก มีผลงาน คะแนนนิยมดี ที่ผ่านมาก็เลี่ยงการทะเลาะกับฝ่ายไหน ที่สำคัญคือยอมเข้าร่วมกับรัฐบาล

ถึงวันนี้ ภูมิใจไทยมีต้นทุนมาก และถ้ารัฐบาลละเลย ปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยโดนสื่อบางค่ายด่ารายวันทั้งทางตรงและทางอ้อม เชื่อว่าภูมิใจไทยต้องคิดอะไรบางอย่าง ผู้มีอำนาจต้องใส่ใจภาพรวม เพราะถึงจะมี 250 ส.ว.แต่อำนาจของท่านก็มีจำกัด  ที่สุดแล้วผู้มีอำนาจต้องรีบเคลียร์ปัญหา

ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ม.บูรพา

ด้าน ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ม.รังสิต วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง ระบุว่า เกิดเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง เพราะ “สื่อดัง” ที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาล กำลังมีปัญหากับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งถือเป็นพรรคร่วมที่สำคัญมาก เพราะมีเสียงกว่า 50 เสียง และเป็นพรรคที่ประชาชนชื่นชอบที่สุดพรรคหนึ่งในบรรดาพรรคร่วม

สิ่งที่น่าสังเกตุคือ รูปแบบของการสื่อสารข้อมูล ทำกันเป็นขบวนการ เริ่มจาก “สื่อชื่อดัง” ที่มีความสัมพันธ์ในฝ่ายรัฐบาล โจมตีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอย่างหนัก แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จนพรรคภูมิใจไทย ต้องดำเนินการทางกฎหมาย หลังจากนั้นสื่อข้างต้นได้ลงข่าววิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของรัฐมนตรีจากพรรคนี้อย่างต่อเนื่อง สามารถมองได้ว่าเป็นความพยายามส่งข้อมูลให้ฝ่ายค้านเอาไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชนิดที่ฝ่ายค้าน ไม่ต้องทำอะไรเลย รอรับข้อมูลฝ่ายเดียว ดังนั้น มันน่าจะชัดเจนแล้วว่ามันมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น ตรงนี้ ฝ่ายรัฐบาลต้องรีบออกมาเคลียร์ข่าว

“สำหรับสื่อ อย่าลืมว่าสังคมต้องการเห็นสื่อที่เป็นกลาง เป็นฝ่ายคลี่คลายความขัดแย้ง แต่การเลือกข้าง เท่ากับสื่อเป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่ง เพื่อเอาชนะอีกฝ่าย สื่อจะเป็นผู้สร้างความขัดแย้งเสียเอง ต้องคิดให้ดี”

ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ม.รังสิต


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่