นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการที่มีพรรคฝ่ายค้านแสดงตนร่วมประชุมกับฝ่ายรัฐบาล กรณีญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในการใช้มาตรา 44 ว่า ถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. ที่เข้ามาทำหน้าที่ผู้แทนของราษฎร และคงไม่อยากเห็นภาพสภาล่มบ่อยๆ เนื่องจาก ส.ส.รับเงินเดือนจากภาษีประชาชน ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลหากไม่ใช่เรื่องที่เป็นผลร้ายต่อบ้านเมือง เราก็ช่วยกันสนับสนุนเพื่อนร่วมงาน
เมื่อถามว่าในอนาคตจำเป็นจะต้องให้ ส.ส. ฝ่ายค้านมาช่วยโหวตลงมติให้กับรัฐบาลหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่าคงไม่ถึงขั้นนั้น
ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีให้ประเมินผลงาน 6 เดือนนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า พร้อมอยู่แล้ว ทุกกระทรวงมีการแผนงานและมีผลงานที่มีพัฒนาการ แม้จะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำก็ยังทำงานได้ถ้าทุกคนเข้าใจเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับ ครม. ตนเชื่อว่าจะมีปัจจัยและเงื่อนไขหลายอย่าง แต่คนที่ตัดสินใจคือนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ ทั้งหมดเป็นเรื่องอนาคต แต่ตอนนี้รัฐมนตรีทุกคนในพรรคทำงานกันอย่างหนัก
นายอนุทินยังกล่าวถึงประเด็นปัญหา 3 สารเคมีทางการเกษตร ว่า ต้องว่ากันตามกฎหมาย ซึ่งเป็นอำนาจของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ส่วนกระทรวงสาธารณสุขมีจุดยืนแบนสารพิษเหมือนเดิม และกำชับหน่วยงานในสังกัดรณรงค์ให้ความรู้ประชาชน ส่วนจะคืนกรมวิชาการเกษตรให้กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือไม่นั้น เรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยกับ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์