นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันและแนวโน้มปีหน้าว่า รัฐบาลที่แล้ว และ 6 เดือนของรัฐบาลปัจจุบัน เหมือนจะปฏิเสธที่จะสร้างอะไรที่เป็นรูปธรรมให้กับระบบเศรษฐกิจไทย ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในเชิงโครงสร้าง ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยก็ช่วยๆกันเตือน แต่รัฐบาลก็ไม่เคยฟัง ยังดีตอนนั้นภาพมันยังไม่ชัด เพราะ ศก. โลกมันพอไปได้ ไทยเลยได้รับอานิสงส์
แต่พอเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความจริงที่ว่า 6 ปีที่ผ่านมา เราไม่ได้สร้างฐานอะไรให้ระบบเศรษฐกิจเราเลย มันก็เริ่มจะปรากฎให้เห็น ถึง “ความกลวง” ของเศรษฐกิจไทย เราจึงดูอ่อนแอปวกเปียกกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
ตอนนี้ที่เรารู้สึกว่าเศรษฐกิจมันไม่ดี ผมมองว่ามันเป็นแค่เพียงการเริ่มต้น
เศรษฐกิจโลกส่งผลต่อภาคเอกชนใหญ่-กลางก่อนเป็นอันดับแรก ส่งออกจึงหดตัวอย่างมีนัยสำคัญ ตามมาด้วยภาคท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ณ ตอนนี้ผลมันเริ่ม ย้ำว่า “แค่เริ่ม” ส่งผลมาถึง “ตลาดแรงงาน” โดยเฉพาะผลตอบแทนแรงงานและการจ้างงาน ซึ่งจะค่อยๆเพิ่มความรุนแรงขึ้น ปัญหาในตลาดแรงงานนั้นสำคัญมาก เพราะกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนโดยตรง ซึ่งจะกระทบสะท้อนกลับไปที่ภาคเอกชนทั้งระบบ เป็นโดมิโน จะไม่เกิดแบบเป็นวิกฤติ แต่จะค่อยๆเหี่ยวแห้งและล้มกันเป็นทอดๆ
ผมจึงย้ำเสมอว่า ต้องป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตลาดแรงงาน เพราะหากปล่อยไปอย่างนี้ มันจะบานปลาย และการแก้จะยิ่งซับซ้อนขึ้น
ปกติตลาดแรงงานที่ยืดหยุ่นต่ำ เช่น ไทย จะซึมซับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกแบบเต็มรูปแบบก็ประมาณ 1 ปี จากเวลาที่ภาคเอกชนเริ่มมีปัญหา
ฉะนั้น ผมจึงอยากให้จับตาตั้งแต่กลางปี 63 เป็นต้นไป จะเป็นช่วงที่ตลาดแรงงานซึมซับผลกระทบจากภาคเอกชนเกือบทั้งหมดแล้ว จะตามด้วยกำลังซื้อที่ทรุดอย่างหนัก ผนวกกับเราจะไม่มีแรงส่งจากภาคท่องเที่ยวในช่วงนั้น และโดยปกติเป็นช่วงเศรษฐกิจไทยอ่อนแอที่สุดในรอบปี นอกเหนือจากนั้นนโยบายการเงินก็แทบไม่เหลือช่องว่างให้ทำอะไรได้มาก นโยบายการคลังก็ผิดพลาดเรื้อรัง
ถึงตอนนั้น จะเกิดอะไรขึ้นถ้า “ความไม่พอใจเรื่องการเมือง” ที่เริ่มเกิดขึ้นแล้ว บรรจบกับ “ความไม่พอใจเรื่องเศรษฐกิจ” ในเวลาที่พอดีกัน ผมว่ามันน่ากลัว
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย