“สุวิทย์” เตรียมความพร้อมโครงการยุวชนอาสาพบ 800 นิสิต/นักศึกษาจาก 9 มหาวิทยาลัย นำร่องพื้นที่กาฬสินธุ์ 1 ใน 10 จังหวัดยากจน ชูแนวคิดนำองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัย ร่วมลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน ดีเดย์เปิดตัวโครงการ 13 ม.ค. 63 ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
(วันที่ 16 ธค. 2562) ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม(อว.) ลงพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อประชุมเตรียมการโครงการยุวชนอาสา เพื่อร่วมให้โอวาทและแนวทางในการทำงานกับนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการกว่า 800 คน จาก 9 มหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร มหวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ และมหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขน พร้อมทั้งหารือร่วมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัย หัวหน้าส่วนราชการ รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม(อว.) เปิดเผยว่า โครงการ “ยุวชนอาสา” นับเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญ ในการปฏิรูปการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เปลี่ยนจากการเรียนในห้องเรียนมาเป็นการลงมือทำจริง นำองค์ความรู้ที่เรียนมาบูรณาการในการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และพัฒนาคุณภาพชีวิต ของคนในชุมชน โดยได้เลือกกาฬสินธุ์ถือเป็นจังหวัดนำร่องในการดำเนินโครงการนี้ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ติด 1 ใน 10 จังหวัดที่ยากจนที่สุดในประเทศ
“จากรายงานการประมวลผลผลิตภัณฑ์ภาคและจังหวัดของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า โดยจังหวัดกาฬสินธุ์มีผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวอยู่ที่ 51,147 ต่อคนต่อปี และยังมีสัดส่วนคนยากจนอยู่ที่ 31.99 % มากเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ ซึ่งโครงการนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่เยาวชนไทยจะเข้ามาเป็นกลไกสำคัญในการนำความรู้ความสามารถที่เรียนมาช่วยแก้ปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้เกิดขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม โดยกำหนดเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด ภายใต้แนวคิด “มั่งคั่งด้วยเกษตรปลอดภัย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยกำหนดเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมเฉลี่ยต่อคนต่อปีเพิ่มสูงขึ้น 7% และสัดส่วนคนจนลดลง 2.5% ต่อปี”
ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้นับเป็นการเตรียมความพร้อมในการเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ในวันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2563 ณ ทำเนียบรัฐบาล และเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ร่วมพูดคุยกับและรับฟังปัญหาจากตัวแทนชุมชน รวมทั้งประชุมร่วมกับคณาจารย์ที่ดำเนินโครงการ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ชุมชนมากที่สุด พร้อมทั้งให้โอวาทแก่เยาวชน นิสิต นักศึกษา จำนวนกว่า 800 คน จาก 9 มหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชนที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามา จำนวน 83 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย 83 ตำบล ใน 15 อำเภอ จาก 134 ตำบล ใน 18 อำเภอ ระยะเวลาในการดำเนินโครงงาน 1 ภาคการศึกษา โดยประเด็นการพัฒนา คลอบคลุม 4 ด้านได้แก่ 1.พัฒนาศักยภาพที่มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย 2. ยกระดับคุณภาพและรายได้ด้านการท่องเที่ยว และส่งเสริมการค้า การลงทุน 3. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4.การพัฒนาทุนมนุษย์ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมที่มีความมั่นคงและสงบสุข
“การนำร่องของโครงการฯ ที่ จ.กาฬสินธุ์ในครั้งนี้เป็นการปักหมุดครั้งใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงประเทศ และในวันที่ 13 ม.ค.63 ยุวชนอาสาทั้ง 800 คนจะไปเป็นแขกของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะของยุวชนสร้างชาติผู้ที่จะกำหนดอนาคตใหม่ของประเทศ” รมว.อว.กล่าวในที่สุด