รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล) ให้การต้อนรับนางเอฟเรน ดาเดเลน อักกุน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย สานต่อความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ และจะร่วมกันผลักดันให้การเจรจา FTA ให้สำเร็จ และเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายแตะ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้ได้ในปี 63
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ได้หารือร่วมกับนางเอฟเรน ดาเดเลน อักกุน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย โดยไทยและตุรกีพร้อมที่จะสานต่อและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจเพื่อให้มูลค่าการค้าสองฝ่ายบรรลุเป้าหมาย 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามที่วางเป้าหมายไว้ และจะร่วมกันผลักดันให้การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย – ตุรกี แล้วเสร็จภายในปี 2563 ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการเจรจากันมาแล้ว 6 รอบ รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงและการหารือทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์) ได้เดินทางเยือนตุรกี เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศ และมีการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรต่างๆ อาทิ ข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง จำนวน 12 ฉบับ ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าการค้ากว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำโอกาสในการขยายธุรกิจ โดยใช้ที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นจุดเด่นของทั้งสองประเทศในการเป็นประตูการค้าระหว่างกัน
นายวีรศักดิ์ เพิ่มเติมว่า สองฝ่ายยังตกลงที่จะร่วมกันดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการค้าต่างๆ อาทิ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การจัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งจะนำมาสู่การขยายมูลค่าการค้าอย่างยั่งยืนในระยะยาว ในโอกาสนี้ ไทยได้เชิญฝ่ายตุรกีเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พร้อมทั้งเชิญนักธุรกิจตุรกีเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของไทย เช่น งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair 2020 และงาน THAIFEX เป็นต้น นอกจากนี้ ฝ่ายตุรกีแสดงความสนใจที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทยในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ เพื่อกระตุ้นการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน
ปัจจุบัน ตุรกีเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 4 ของไทยในกลุ่มภูมิภาคตะวันออกกลาง การค้าระหว่างไทยกับตุรกีในระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา (2557 – 2561) มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 1,378 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ามาโดยตลอด ในปี 2561 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 1,427 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าที่ไทยมีศักยภาพในตุรกี ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เส้นใยประดิษฐ์ ยางพารา และผลิตภัณฑ์ยาง สำหรับสาขาที่ไทยมีศักยภาพเข้าไปลงทุน ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม สปา ธุรกิจเกี่ยวกับการจัดประชุมและนิทรรศการ อุตสาหกรรมประมงและเกษตรแปรรูป รวมทั้งการผลิตอาหารฮาลาล