เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ ยื่นหนังสือและเอกสารปิดผนึกรายชื่อผู้สนับสนุนการแบนสารพิษ พาราตวอต ไกรโฟเซต คลอร์ไพรีฟอส ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกรและพยาบาล กว่า 4,000 รายชื่อและรายชื่อประชาชนจาก chang.org อีกกว่า 53,000 รายชื่อ ต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
หลังรับหนังสือ นายอนุทิน กล่าวว่า เสียงของผมอาจถูกตีความว่ามีประเด็นทางการเมืองแต่เสียงของทางการแพทย์ พยาบาล เภสัชกรและประชาชนน่าจะเป็นเสียงที่ดังที่สุดและไปถึงประชาชนมากที่สุด ตนเองไม่มีอิทธิพลเหนือบุคคลเหล่านี้
ที่ผ่านมานโยบายของตนและกระทรวง เกิดขึ้นจากการรับฟังข้อมูลที่รอบด้านจากผู้บริหาร และบุคลากรในกระทรวง สำหรับทุกท่านที่มาแสดงพลังในวันนี้ ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้มาให้ข้อมูล และทุกท่านที่ให้ข้อมูลนั้นคงทราบถึงเจตนารมณ์ของกระทรวงสาธารณสุข เราได้แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยในการใช้ 3 สารพิษ
ข้อมูลที่เราได้รับในวันนี้ เราจะยื่นต่อให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพิจารณา กระทรวงสาธารณสุข มองว่าสุขภาพ ต้องมาก่อนกำไรขาดทุน รายได้ จะไร้ประโยชน์หากมาพร้อมกับโรคภัยไข้เจ็บ “เรายอมแพ้ในเกม แต่เราไม่ยอมแพ้ในเรื่องของสุขภาพ”
นายอนุทิน เปิดเผยด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ทางคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรได้เชิญผู้แทนของกระทรวงสาธารณสุขไปสอบถามแล้ว ว่าทำไมโหวตแบนสารพิษ ซึ่งทางกระทรวงก็พร้อมชี้แจ้งโดยจะส่งรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเลขาธิการ อย. เข้าไปตอบข้อซักถาม โดย 2 ท่านหลังอยู่ในคณะกรรมการวัตถุอันตรายด้วย
กระทรวงสาธารณสุข ต้องไปอธิบายให้ทราบถึงพิษภัยของสารพิษ ตอบคำถามว่าทำไมเราถึงเดินหน้าสุดตัว จุดยืนของเรานั้น “แรงไม่ยอมเปลี่ยนปั๊ก รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง” แต่ถ้าเสียงส่วนมากในคณะกรรมการวัตถุอันตราย ยืนยันให้ใช้ต่อ เราก็มีหน้าที่รักษาคนป่วยที่ได้รับผลกระทบ พร้อมไปกับการให้ความรู้กับประชาชน สุดท้ายมันขึ้นกับผู้บริโภคว่าจะทำอย่างไร
ขอเรียนก่อนว่าที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีความเห็นว่า พาราควอต กับคลอร์ไพรีฟอส ต้องถูกแบน แต่ขอเวลากำจัดไป 6 เดือน ส่วนไกรโฟเซตนั้น ที่ประชุมให้จำกัดการใช้ ที่ประชุมเองก็รู้ว่ามันมีพิษ
เรื่องโรคภัยที่เกิดจากสารพิษ เราป้องกันได้ แต่ไม่ทำ ยังจะใช้สารพิษกันต่อ ผลกระทบทางสุขภาพตกกับประชาชน กระทรวงสาธารณสุข ก็ต้องใช้งบรักษาคนป่วยกันต่อไป แทนที่จะได้นำงบไปใช้กับโรคที่มันไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่กระทรวงสาธารณสุขรับปาก ว่าเราดูแลรักษาทุกโรค