นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในปี 2563 ภาคการเกษตรจะประสบปัญหาหนักมาก ทั้งราคาพืชผลตกต่ำ หนี้สินเพิ่มทั้งหนี้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. หลายพื้นที่ยังพบปัญหาหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้มาจากภาพรวมของภาคเกษตรที่ติดลบต่อเนื่องมาหลายปี สำหรับในปี 2563 จะตกอยู่ในภาวะเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ปัญหามาจากภัยแล้ง และน้ำในระบบไม่พียงพอต่อการบริโภคและอุปโภค ส่งผลให้ภาพรวมของประเทศติดลบตามไปด้วยเพราะเมื่อภาคเกษตรติดลบจะส่งผลต่อระบบหมุนเวียนของเงินในประเทศ เศรษฐกิจของประเทศไทยจะทรุดหนักลงไปอีก วิธีที่รัฐจะแก้ปัญหาดีที่สุด รัฐควรที่จะใส่เม็ดเงินเพื่อปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตร และสามารถการลดต้นทุนทาง การเกษตร การบริการการจัดการน้ำคือการบริหารต้นทุนทางการเกษตรที่ดีที่สุด
นายนิยมกล่าวด้วยว่า ในปี 2563 พบว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนถือว่าเข้าขั้นวิกฤติ หลายเขื่อนในประเทศไทย มีปริมาณน้ำเหลือเพียง ร้อยล่ะ 40 ของปริมาณเขื่อนที่สามารถกักเก็บน้ำได้ อาทิ เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนภูมิพล เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนแควน้อย เหลือปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาอุปโภคและอุปโภค ไม่สามารถปล่อยน้ำช่วยเหลือเกษตรกรได้
“ สิ่งที่รัฐต้องทำคือการสร้างระบบการจัดเก็บน้ำฝนที่ตกใต้เขื่อนและน้ำตามธรรมชาติ ด้วยการทำระบบแก้มลิง พร้อมทำประตูระบายน้ำเปิด-ปิดเพื่อรักษาระดับน้ำ หรือเขื่อนขนาดเล็กเพื่อกักเก็บน้ำ เพราะสามารถกักเก็บน้ำได้ และสามารถปล่อยน้ำออกมาช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งให้เกษตรกรให้มีน้ำภาคเกษตรใช้ได้อย่างต่อเนื่อง รัฐต้องคิดให้เป็นในการแก้ปัญหาประชาชน ไม่ใช่แจกเงินอย่างที่ผ่านมา”