วันนี้ (6 มกราคม 2563) ที่สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ได้ตรวจเยี่ยมหอผู้ป่วยแยกโรค ดูความพร้อมในการรับมือโรคปอดอันเกิดจากไวรัสซึ่งไม่ทราบสาเหตุ ที่พบในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน
จากนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในการเฝ้าระวัง ตรวจรักษา แยกกัก และควบคุมโรค ระบบจัดการโรคติดต่ออันตราย มีทีมปฏิบัติการอยู่ในทุกจังหวัดและส่วนกลาง และมีห้องแยกโรคติดเชื้อความดันลบศักยภาพสูง ได้มาตรฐานสากล ที่สถาบันบำราศนราดูร และในจังหวัดที่มีเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศ อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่
มีการเตรียมความพร้อมขั้นสูงสุด และมีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยโรคติดต่ออันตราย เช่น โรคเมอร์ส โรคซาร์ส โดยมีห้องตรวจแยกโรคโดยเฉพาะไม่ปะปนกับผู้ป่วยอื่น ห้องผู้ป่วยแยกโรคติดเชื้อความดันลบ (Negative Pressure) ที่ได้จัดเตรียมไว้รับผู้ป่วยโรคติดต่ออันตราย มีทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในการดูแลรักษาเฉพาะ ห้องปฏิบัติการโรคติดต่ออันตราย ระบบการรับผู้ป่วยที่สงสัยจากสนามบินหรือโรงพยาบาลแรกรับ เส้นทางการลำเลียงผู้ป่วยที่ปลอดภัย ไม่แพร่เชื้อ รวมทั้งระบบการแยกและกำจัดขยะติดเชื้ออันตราย
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ทราบว่ามีผู้ป่วยจากอู่ฮั่น เข้ารับการตรวจละเอียดที่สถาบันฯ ผลออกมาชัดเจนแล้วว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสที่เป็นข่าว ขอย้ำว่าประเทศไทย ยังไม่มีคนป่วยด้วยโรคไวรัสปอดอักเสบที่หลายคนวิตก ทั้งนี้ ไฟลท์การบินจากอู่ฮั่นถึงประเทศไทย ไม่ได้มีมากเกินการควบคุมดูแล ขอให้ประชาชนสบายใจ สิ่งที่น่ากังวลคือการถ่ายทอดข้อมูลซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง อันจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวของประเทศ ทั้งนี้ หากพบสิ่งปกติ และสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับไวรัสปริศนา ประชาชนสามารถติดต่อได้ทันทีที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ให้ความสำคัญกับระบบควบคุมโรค โดยวานนี้ ได้เดินทางไปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อตรวจเยี่ยมความพร้อมด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พร้อมเยี่ยมชมขั้นตอนการดำเนินงานคัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสที่ยังไม่ทราบที่มา โดยมอบให้กรมควบคุมโรค เฝ้าระวัง คัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง ทั้งด่านบก ด่านเรือและด่านอากาศ หากพบผู้มีอาการเข้าข่ายสงสัย ให้ส่งเข้าระบบควบคุมป้องกันโรคทันที สำหรับที่ด่านควบคุมโรค ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ติดตั้งเครื่องวัดไข้อัตโนมัติระบบอินฟราเรด (Infrared Thermo Scan) 4 จุด พร้อมเจ้าหน้าที่ทำงาน 24 ชั่วโมง ผู้โดยสารทุกคนจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองด้วยเครื่องตรวจอุณหภูมิอัตโนมัติ หากพบมีไข้จะแยกผู้โดยสารตรงประตูทางเข้า ให้สวมหน้ากากอนามัย และพาไปตรวจซ้ำที่ห้องรอส่งต่อ
หากพบว่ามีไข้ และมีประวัติมาจากพื้นที่เสี่ยงจะโทรแจ้งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้ส่งรถพยาบาลมารับไปยังโรงพยาบาลที่มีห้องแยกโรคมาตรฐาน ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนปกติที่สนามบินดำเนินการ โดยจะไม่ปะปนกับผู้โดยสารอื่น
สำหรับผู้ป่วยจากพื้นที่เสี่ยง จะมีการแยกประตูทางเข้าเฉพาะ หากพบความผิดปกติ จะจัดการทันที โดยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีเที่ยวบินจากพื้นที่เสี่ยงวันละ 3 เที่ยว ผู้โดยสารวันละประมาณ 500 คนต่อวัน นอกจากนี้ ยังมีท่าอากาศยานที่รับผู้โดยสารจากพื้นที่เสี่ยงคือท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต ซึ่งจะดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด