วันที่ 6 มกราคม 2563 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เปิดเผยว่า ในการพิจารณางบประมาณในวาระที่ 2 ที่จะมีการประชุมในวันที่ 8-10 มกราคม 2563 คณะกรรมาธิการขอสงวนคำแปรญัตติไว้เป็นจำนวนมาก โดยหนึ่งในนั้นคือการการตัดลดงบประมาณสำรองฉุกเฉินที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีการตั้งงบประมาณไว้ที่ 96,000 ล้านบาท โดยในการใช้งบประมาณส่วนนี้พลเอกประยุทธ์สามารถออกคำสั่งนำมาใช้ได้
ด้วยระยะเวลาและจำนวนเงินที่มากเกินความจำเป็นทางคณะกรรมาธิการจึงเสนอตัดลดงบประมาณในส่วนนี้ลงไปจำนวน 40,000 ล้านบาท เพราะเวลาในการใช้งบประมาณเพียง 7 เดือนแต่รัฐบาลกลับตั้งงบประมาณไว้มหาศาล ไม่มีเหตุผลรองรับในการใช้งบประมาณดังกล่าวจึงต้องตัดลดงบประมาณลง
นายเรืองไกร กล่าวด้วยว่า ในขณะเดียวกันได้ขอสงวนคำแปรญัตติงบประมาณของกระทรวงกลาโหมไว้ทั้งหมด หรือมากกว่า 100,000 ล้านบาท ที่จำเป็นต้องตัดงบประมาณส่วนนี้ทั้งหมด เพราะที่มาของพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 มีที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่อว่าจะขัดรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจำต้องจัดทั้งหมด จะปล่อยให้หน่วยงานที่มีที่มาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย มาขอใช้งบประมาณไม่ได้ คณะกรรมาธิการไม่ยอมร่วมทำผิดกฎหมายด้วย จึงต้องตัดไว้ก่อนจนกว่ากระทรวงกลาโหมนำกฎหมายไปดำเนินการให้ถูกต้องแล้วจะนำมาพิจาณาใหม่ ก็ไม่มีใครว่า
“ส่วนกรมสรรพกรที่มีการตัดลดงบประมาณ ลงไปนั้น เพราะที่ผ่านมากรมสรรพกรไม่ยอมเก็บภาษีของคณะอนุกรรมาธิการสมัยสภานิติบัญญัติแห่ชาติ หรือ สนช. ถือเป็นการทำผิดกฎหมาย ผู้แทนกรมสรรพกรให้คำชี้แจงว่าไม่ทราบว่าเก็บได้หรือไม่ จึงไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง จำเป็นต้องตัดงบของกรมสรรพกรลง แม้การเก็บภาษีของสมาชิกสนช.จะไม่มากเพียงท่านล่ะหลัก100,000 บาท แต่เป็นเรื่องของกฎหมายสมาชิกสนช.จะอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้”