รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงสถานการณ์ของฝ่ายค้านในขณะนี้ว่า ถ้าดูจากปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทย ทั้งกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และนายสามารถ แก้วมีชัย สองแกนนำคนสำคัญของพรรค รวมถึงเรื่องคดีความของพรรคอนาคตใหม่ นับว่าน่าเป็นห่วง ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเอง ปัญหาเสียงปริ่มน้ำเริ่มคลี่คลาย และข่าวความไม่ลงรอยกันในพรรคร่วมรัฐบาลเริ่มซาลง โดยภาพรวมเสถียรภาพของรัฐบาลจึงไม่น่าห่วงเท่าฝ่ายค้านในตอนนี้
ส่วนการเมืองนอกสภา อย่างกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” หรือ “เดินเชียร์ลุง” ก็ไม่มีอะไรน่าตกใจ เพราะเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพื่อเลี้ยงกระแส อีกทั้งกลุ่มทางการเมืองยังมีทั้ง 2 ฝ่ายคือฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต้าน แตกต่างจากบรรยากาศสมัย 14 ตุลา หรือ พฤษภา 35 ที่ส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทางเดียวกัน อีกทั้ง แม้กลุ่มวิ่งไล่ลุงจะมีจำนวนผู้ร่วมงานมากกว่า เชื่อว่ารัฐบาลก็ไม่กังวลตราบใดที่ยังประคองสถานการณ์เอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่น่ากังวลในขณะนี้คือเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเกี่ยวกับปากท้องพี่น้องประชาชน เพราะการเมืองอาจเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับบางคน แต่วันนี้ปมเศรษฐกิจเป็นปัญหายืดเยื้อเรื้อรัง ผนวกกับปัญหาการเมืองต่างประเทศ จึงเชื่อว่าจะถูกหยิบยกในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะมีมาตรการทางการคลังออกมา แต่ไม่สามารถลงไปสู่มือประชาชนได้ เพราะผลประโยชน์ยังวนเวียนอยู่ในมือกลุ่มทุนใหญ่
นอกจากนี้ รศ.ดร.ยุทธพร ยังระบุอีกว่า ปัญหาภัยแล้งและฝุ่น PM 2.5 เป็นอีกปัจจัยรุมเร้า รัฐบาลจึงควรหาทางออกอย่างเหมาะสม เช่น กระทรวงสาธาณสุข ที่กำกับโดยรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย ควรใช้วิกฤติฝุ่น PM 2.5 ให้เป็นโอกาสทางการเมือง เนื่องจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือกรุงเทพมหานคร มีความพิเศษในแง่กระแสการเมือง หากพรรคภูมิใจไทยลงมาจับตรงนี้น่าจะเป็นจังหวะที่น่าสนใจ ประกอบกับกระทรวงสาธารณสุขกำลังได้รับเสียงชื่นชมในระบบประกันสุขภาพจากนานาชาติ และล่าสุดคือมาตรการการรับมือโรคระบาดจากประเทศจีนที่ทำได้เป็นอย่างดี