เมื่อเวลา 12.38 น. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ แถลงว่าจากปัญหาการเสียบบัตรแทนกันของส.ส.จนทำให้การบังคับใช้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ต้องล่าช้าออกไป ไม่เป็นที่ไว้วางใจกับประชาชน ดังนั้นตนคิดว่านับจากวันนี้เป็นตนไปหากสื่อมวลชนและพลเมืองดีทั่วไป ส.ส.มีการเสียบบัตรแทนกัน2 ครั้งขึ้นไป กับการลงมติกฎหมายทุกฉบับ รวมทั้งญัตติต่างๆ หากมีหลักฐานดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือวีดีโอสามารถรับเงินกับตนได้ เหตุการณ์ละ1แสนบาท โดยไม่จำกัดเหตุการณ์ แต่ห้ามก๊อปปี้ภาพเขาแล้วมารับเงิน โดยหลักฐานดังกล่าวไม่ต้องผ่านการตรวจสอบในชั้นศาล หรือตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบ แต่สามารถมารับเงินโดยตรงกับตนได้เลย เพราะตนมีทรัพย์สินถึง 500 ล้านบาท คิดว่างานนี้คงไม่เกิน 10 ล้านบาท ยังเหลือเงินอีกตั้ง 490 ล้านบาท ทั้งนี้สำหรับผู้ที่นำหลักฐานมาเปิดเผยตนมีวิธีปกปิดไม่ให้ได้รับผลกระทบตามมา
นายสิระกล่าวว่า สาเหตุที่ตนทำเช่นนี้เพราะเชื่อว่าการเสียบบัตรแทนกันไม่มีเฉพาะฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น มีส.ส.ฝ่ายค้านด้วยหรือไม่ ตนจึงต้องการดัดหลังคนที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ สร้างความเสื่อมเสียต่อสภา และต้องการให้การทำงานของส.ส.โปร่งใสซื่อสัตย์สุจริต ตามที่สาบานตนไว้
ส่วนกรณีที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมใจไทย ในฐานะประธานากรรมาธิการปปช. สภาผู้แทนราษฏร ระบุว่าจะฟ้องดำเนินคดีกับบุคคลที่ทำให้ตนเองพ้นจากตำแหน่งประธานกรรมาธิการป.ป.ช.นั้น นายสิระกล่าวว่าถือเป็นสิทธิ์ แต่หากเป็นการฟ้องร้องเท็จตนก็จะฟ้องดำเนินคดีกลับกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เช่นกัน อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ควรทำให้คดีความรกศาลเพราะมีการฟ้องร้องกันเยอะแล้ว แต่ควรจะหันมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวในสภาจะดีกว่า