หน้าแรก news สถาบันทิศทางไทย แถลงการณ์อัดแคมเปญค้านยุบ อนค.แนะสังคมต้องยอมรับกฎหมาย หยุดวงจรใช้กระแสกดดัน

สถาบันทิศทางไทย แถลงการณ์อัดแคมเปญค้านยุบ อนค.แนะสังคมต้องยอมรับกฎหมาย หยุดวงจรใช้กระแสกดดัน

0
สถาบันทิศทางไทย แถลงการณ์อัดแคมเปญค้านยุบ อนค.แนะสังคมต้องยอมรับกฎหมาย หยุดวงจรใช้กระแสกดดัน
Sharing

สถาบันทิศทางไทย ออกแถลงการณ์ เรื่อง รณรงค์ให้ทุกคนในสังคมเคารพ ยอมรับในหลักกฎหมาย และผู้ที่ทําผิดกฎหมาย พึงต้องปฎิบัติตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น ระบุว่า

สังคมทุกสังคมจะเป็นปกติสุขได้ คนในสังคมพึงต้องยึดถือแกนกลางอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกัน แกนกลางที่ว่านั้น คือ หลักนิติธรรม (Rule of Law) ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่การมี นิติรัฐที่ปกครอง ตามตัวบทกฎหมาย (มิใช่การปกครอง ด้วยกฎหมาย(เป็นเครื่องมือ)) ซึ่งหลักนิติธรรมและนิติรัฐจะเป็นไปไม่ได้เลยหากปราศจากการเคารพ ยอมรับใน กฎหมายและปฏิบัติของกฎหมายของคนในสังคม

จริงอยู่แม้ข้อกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงกระบวนการยุติธรรมที่เป็นอยู่ทั้งหมดอาจยังพูดไม่ได้ว่า นําไปสู่ความยุติธรรมโดยสมบูรณ์แบบ แต่นั่นเป็นปัญหาเรื่องการทําให้เกิดความเที่ยงธรรมและการใช้กฎหมาย โดยเสมอภาค อันคนละเรื่องกับการไม่เคารพกฎหมาย เพราะสังคมใดที่ผู้คนปราศจากการเคารพกฎหมาย ก็จะนําพา สังคมนั้นๆ ไปสู่ภาวะไร้ซึ่งระเบียบกฎเกณฑ์ บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป และอาจถึงขั้นเกิดอนาธิปัตย์ ไร้รัฐ ชุมชน สังคม ล่มสลายในที่สุด

หากไม่มีความชั่วใดที่จะถูกล้มล้างด้วยความชั่วฉันใด ก็ไม่มีความอยุติธรรมใดที่จะถูกล้มล้างด้วยความอยุติธรรม ฉันนั้น การสถาปนาหลักนิติธรรมหรือนิติรัฐให้เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ย่อมมิอาจเป็นไปได้เลย หากมีการคัดค้านการเคารพ ไม่ยอมรับและไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้ทําผิดกฎหมายมิว่าจะด้วยเจตนาหรือไม่ เมื่อทําผิดก็อ้างว่าไม่ควรได้รับโทษเพราะ ความไม่รู้ในข้อกฎหมาย หรืออ้างถึงเจตนาอันสูงส่ง หรือคุณประโยชน์ที่เคยทําเพื่อให้ตนเองมิต้องได้รับโทษไม่ได้

นั่นไม่ต้องพูดถึงการเรียกร้องหรือรณรงค์คัดค้านให้ไม่ดําเนินการทางกฎหมายกับใครคนหนึ่งคนใดที่ทําผิด กฎหมายด้วยเหตุผลอย่างหนึ่งอย่างใดก็ตาม

การกระทําเช่นนี้ถือว่าไม่คํานึงถึงคนอื่น ไม่คํานึงถึงผลกระทบต่อส่วนรวม ปราศจากความรับผิดชอบต่อสังคมโดย สิ้นเชิง ดังที่มีนักวิชาการ นักธุรกิจ ศิลปิน บุคคลและกลุ่มบุคคล ออกมารณรงค์คัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ ก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคําวินิจฉัยในคําร้องของกกต. กรณีพรรครับเงิน(กู้)ของนายธนาธร

สถาบันทิศทางไทยไม่ได้เรียกร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ หรือ คัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ อย่างหนึ่งอย่างใด แต่เรียกร้องให้ทุกคนในสังคมเคารพ ยึดถือ และยอมรับต่อกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมอันเกี่ยวข้อง

เมื่อพรรคอนาคตใหม่ทําผิด และหากศาลมีคําวินิจฉัยว่าความผิดนั้นเข้าข้อกฎหมาย การลงโทษพรรคอนาคตใหม่ ตามตัวบทกฎหมายก็พึงต้องเป็นไปโดยปราศจากข้อยกเว้น ไม่ว่าพรรคอนาคตใหม่จะอ้างถึงอุดมการณ์ เเจตนารมณ์เช่นไร ก็ตาม

แต่หากศาลวินิจฉัยว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่มีความผิดตามข้อกฎหมาย ก็ควรจะยอมรับคําวินิจฉัยนั้นแม้ว่าจะไม่เห็น ด้วยในทางอุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่อย่างไรก็ตาม

กระนั้นการอ้างว่า มีความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมที่มีความ จงใจและ เจตนากลั่นแกล้งพรรค อนาคตใหม่ เป็นที่ประจักษ์ชัดโดยข้อเท็จจริงว่าที่ผ่านมา มีขั้นตอนของการบังคับใช้กฎหมายที่ถ่วงดุลซึ่งกันและกัน และ ศาลก็มิได้เห็นคล้อยตามคําร้องของกกต.ในทุกเรื่อง ดังกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยยกคําร้องคดียุบพรรคอนาคตใหม่ที่ มีผู้ร้องว่าพรรคล้มล้างการปกครอง โดยยึดถือข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยมิได้ถือประโยชน์ของพรรคหรือผู้ร้องฝ่าย หนึ่งฝ่ายใดเป็นที่ตั้ง (พฤติกรรมของพรรคมีความคลุมเครือ แต่ไม่เข้าข้อกฎหมายล้มล้างการปกครองแต่อาจมีความผิดใน ข้อกฎหมายข้ออื่น)

สถาบันทิศทางไทยขอเชิญคนไทยทุกคนที่มีเจตนารมณ์เดียวกันว่า สังคมเราจะอยู่อย่างปกติ จําต้องยอมรับใน กฎหมาย และผู้ทําผิดก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น ได้แสดงเจตนารมณ์นี้ให้ประจักษ์และพร้อมเพรียง โดยการร่วมลงชื่อสนับสนุนในช่องทางต่างๆ เพื่อมิให้กลุ่มการเมืองใดๆ และผู้ไม่หวังดีอาศัยสถานการณ์สร้างกระแส ความเข้าใจผิดต่อกระบวนการยุติธรรม ใช้อํานาจกระแสสังคม แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมให้ยกโทษให้พรรค การเมืองที่ทําผิดกฎหมาย มิว่าจะเป็นพรรคใด

หากคิดว่าการทํารัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ มิใช่สิ่งถูกต้องฉันใด วิญญูชนย่อมพึงสํานึกรู้ว่าการใช้อํานาจสังคม แบบใดก็ตามบังคับฉีก สภาพการบังคับตามกฎหมายทิ้ง ก็คงเป็นสิ่งที่มิได้ถูกต้องกว่ากันแต่อย่างใด
ด้วยคารวะในจิตวิญญาณแห่งความเที่ยงธรรมในใจทุกท่าน


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่